ความเชื่อ:ท้าทายความกล้าที่จะยอมเชื่อฟังและตัดใจ
“ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้………..ท่านจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า และเงินทองพร้อมกันไม่ได้”
“อย่ากังวลถึงชีวิตว่าจะกินอะไร…..อย่ากังวลถึงร่างกายว่าจะนุ่งห่มอะไร”
“อย่ากังวลถึงวันพรุ่งนี้…..”
“จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ ก่อนสิ่งอื่นใดหมด แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มพูนสิ่งเหล่านี้ให้”
คำสอนเหล่านี้ของพระเยซูเจ้า ท้าทายชีวิต และความเชื่อ(ฟัง)ของเรา และเป็นพระวาจาที่เชิญชวนเราให้ดำเนินชีวิตสวนกระแสสังคมในปัจจุบัน
ขณะที่ทุกคนพยายามสร้างชีวิต สร้างสถานะภาพของตนเองในสังคมให้มั่นคง เป็นปึกแผ่น และเป็นที่ยอมรับ แต่พระเยซูเจ้ากลับสอนตรงกันข้าม
พระวาจาและคำสอนของพระเยซูเจ้าในวันนี้ตรงกันกับสิ่งที่ท่านเปาโล ได้เขียนไว้ในจดหมายของท่าน ที่เป็นบทอ่านของวันนี้เช่นเดียวกัน คือ พระวาจาที่พระเยซูเจ้าตรัส และคำสอนที่พระองค์สอน พวกเราจะเป็นแสงสว่างและจะ “ฉายแสงทำให้ความลับที่ถูกซ่อนอยู่ในความมืดปรากฎชัด”
ความลับที่ถูกซ่อนหรือปกปิดไว้ก็คือ “การที่เราจะต้องรู้จักดำเนินชีวิตแบบปล่อยวางและไร้ความกังวล ห่วงใย การที่เราต้องรู้จักดำเนินชีวิตชนิดที่ไม่ยึดเอาเงินทองวัตถุ เกียรติยศ ชื่อเสียง ฐานะทางสังคม เป็นเป้าหมายใหญ่ และสำคัญ” ส่วนความลับอีกข้อหนึ่งที่พระเยซูเจ้าบอกกับเราในวันนี้ก็คือ “จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อนสิ่งอื่นใดหมด”
ความลับทั้ง 2 ประการถูกบดบังซ่อนเร้นและปกปิดไว้ในชีวิตของเราด้วยความมืดที่อยู่ในหัวใจของเราแต่ละคนนั่นเอง แต่ที่ร้ายกว่านั้น ก็คือ ความมืดดังกล่าวเป็นความมืดที่ตัวเราเองเป็นผู้สร้าง และก่อให้เกิดขึ้นในชีวิตของเรา ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว ความมืดนั้นได้แก่ ความกังวล ความดิ้นรน ห่วงใยที่จะสร้างชีวิตให้มั่นคงเป็นปึกแผ่น หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ เรายอมให้เงินทองเป็นพระเจ้าหรือ เรายอมให้เงินทองรวมทั้งเกียรติยศชื่อเสียงกลายเป็น สิ่งที่สำคัญสุดยอดในชีวิตของเรา
ความเชื่อหรือ ความเชื่อฟัง จึงท้าทายเราคริสตชนให้กล้าที่จะปล่อยวาง ความมั่นคงในชีวิตเหล่านั้น
ความเชื่อหรือ ความเชื่อฟัง ยังท้าทายเราให้กล้าที่จะตัดความมั่นคงนั้นออกไปจากชีวิตของเรา
ความเชื่อหรือ ความเชื่อฟัง ยังท้าทายเราให้ยอม “แสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ ก่อนสิ่งอื่นใดหมด” นั่นคือ เมื่อเรายอมปล่อยวางชีวิตของเราโดยยอมปฏิบัติพระวาจาของพระเยซูเจ้า ยอมทำทุกอย่างที่พระเยซูเจ้าสั่งให้ทำ การยอมอย่างนั้นจะสร้างให้เกิด ความกล้าหาญที่จะเชื่อฟัง และตัดใจ อีกทั้งความกล้าหาญอย่างนั้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่ละเล็กละน้อย ดังนั้น ความกล้าที่จะตัดใจ คือ พลังแห่งไม้กางเขน(V) ส่วนพระวาจาที่เราปฏิบัติก็จะเริ่มออกฤทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา ดังที่เราเคยเรียกว่า พระวาจาทรงชีวิต พระเยซูยังสัญญาสิ่งสำคัญไว้อีกอย่างหนึ่งคือ เมื่อเรายอมทำอย่างนั้น พระองค์ก็จะ “เพิ่มพูนทุกสิ่งเหล่านี้ให้” นั่นคือ พระองค์จะเป็นผู้ดูแล เอาใจใส่ชีวิตความเป็นอยู่ฝ่ายร่างกายของเรา พระองค์จะเป็นผู้ดูแลจัดการชีวิตฝ่ายร่างกายของเรา เพราะ “พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่าเราต้องการสิ่งใด”