“ความสับสนหมดหนทางกับความวางใจในพระเมตตารัก”
จิตใจข้าพเจ้าพักผ่อนในพระเจ้าเท่านั้นความรอดพ้นของข้าพเจ้ามาจากพระองค์…ทรงเป็นความรอดพ้นของข้าพเจ้าทรงเป็นที่มั่นป้องกันข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหว…ประชากรเอ๋ยจงวางใจในพระองค์ทุกเวลา จงระบายความในใจของท่านให้พระองค์ทรงทราบพระเจ้าทรงเป็นที่หลบภัยสำหรับเรา” (สดด62:1-2,8)
เราเริ่มพบเห็นความหนักหน่วงรุนแรงในหมู่พี่น้องไทยเป็นต้นในกรุงเทพฯที่มีความขัดแย้งและหาทางลงทางออกร่วมกันไม่ได้จนหลายฝ่ายหลายคนเกรงว่า “ความขัดแย้งนี้จะกลายเป็นความแตกแยก” ของพี่น้องชาวไทย เริ่มมีบทวิเคราะห์วิจารณ์จากสำนักข่าวต่างประเทศว่า “เหตุการณ์ความรุนแรงจะจบลงในเร็ววันนี้ด้วยเหตุการณ์นองเลือด” เมื่อพวกเขานำไปวิเคราะห์เปรียบเทียบกับความขัดแย้งในที่ต่างๆในโลกใบนี้
มีคนถามพ่อว่า“พ่อไปร่วมชุมนุมกับเขาบ้างแล้วหรือยัง??” นับเป็นคำถามที่ตอบยาก… ยากเหลือเกิน พ่อมั่นใจว่าพ่ออยู่ฝ่ายถูกแน่นอนฝ่ายความรักและอภัยดังเช่นพระเยซูเจ้าพระอาจารย์ของเราและความรักเมตตาของพระบิดา ที่ว่าตอบยากคือ…“ตัวเราได้ทำอะไรบ้าง ได้เริ่มทำอะไรสำหรับเหตุการณ์ความขัดแย้งของพี่น้องของเราหรือว่าเราได้แต่นิ่งเฉยนิ่งรอดูพี่น้องของเราเจ็บปวดและชีวิดถูกปลิดปลงไปอย่างน่าเศร้าสลดใจ” แต่ยังคงยึดมั่นในหลักที่ว่า“หากเราจะตัดสินใจทำอะไรลงไป “เรายังคงรักและให้อภัยกับพี่น้องของเราแม้พี่น้องของเราจะคิดเห็นตรงข้ามกับเรารักและอภัยดังที่พระบิดาทรงรักทุกคนดังคำเปรียบของพระเยซูเจ้าที่ว่าพระบิดาทรงให้ฝนตกหลั่งลงทั้งคนดีและคนเลว เราจะยังคงทำได้ไหม”
โยชูวาพูดว่า“องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงละทิ้งข้าพเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าทรงลืมข้าพเจ้าแล้ว” “หญิงคนหนึ่งจะลืมบุตรที่ยังกินนมและจะไม่สงสารบุตรที่เกิดจากครรภ์ของนางได้หรือ” “แม้หญิงเหล่านี้จะลืมได้ เราจะไม่มีวันลืมเจ้าเลย”(อสย49:14-15)
พ่อมั่นใจพ่อเฝ้าภาวนา พ่อเฝ้ารอด้วยมั่นใจในรากฐานจิตใจของพี่น้องชาวไทยของเราที่จิตใจดีงามและเต็มไปด้วยความรักเมตตา จงอย่าลืมคำที่ว่า“คนไทยใจดีคนไทยผ่านความยากลำบากด้วยยิ้มสยาม” และอีกคำหนึ่งในเพลงชาติไทยของเรา“ไทยนี้รักสงบ…แต่ถึงรบมิขลาด” เมื่อพบเห็นความไม่ดีงามเราจะไม่ขลาดเขลาขลาดกลัว เราจะสู้กับความชั่วร้ายเลวทราม แต่เราจะรักเมตตาและให้อภัยเพื่อนพี่น้องของเรา และนี่คือความรักของพระบิดา
พ่อมั่นใจพ่อเฝ้าภาวนา พ่อเฝ้ารอด้วยมั่นใจในความรักของพระบิดา พระองค์ทรงทราบในพระทัยถึงความเจ็บปวดสับสนหมดหนทางในชีวิตของเราดังที่ประกาศกอิสยาห์พูดไว้จงมีกำลังใจไว้ พระองค์ไม่ทรงลืมเราที่เป็นลูกของพระองค์…จงมีกำลังใจและมั่นใจในพระเมตตารักของพระบิดา
“ท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้…ฉะนั้นท่านทั้งหลายอย่ากังวลถึงชีวิต…อย่ากังวล…พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการทุกสิ่งเหล่านี้จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อนแล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ให้” (เทียบมธ6:24,31-33)
พระเยซูเจ้าทรงท้าทายเรา “ระหว่างความสับสนหมดหนทาง” กับ“ความวางใจในพระเมตตารักของพระบิดา” พระองค์เรียกร้องให้เราภาวนาด้วยความอดทนมั่นใจและวางใจในพระบิดา แสวงหาและมอบความรักความเมตตาความชอบธรรมให้กับโลกให้กับพี่น้องของเราแม้ว่าจะเป็นพี่น้องของเราที่มองต่างมุมมองตรงข้ามกับมุมของเราก็ตาม แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งเหล่านี้ที่เรากังวลสับสนจนหนทางและต้องการ.