“Ice-Basket … มันมากกว่านั้นอีกสำหรับพระองค์“
“ข้าพเจ้าอ้อนวอนท่านทั้งหลายให้ถวายร่างกายของท่านเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่พอพระทัยแด่พระเจ้านี่เป็นคารวะกิจด้วยจิตใจของท่านอย่าคล้อยตามความประพฤติของโลกนี้” (รม12:1-2)
กำลังเป็นที่นิยมอย่างสูงสุดกับการรับคำท้าทายจากเพื่อนๆที่จะนำน้ำผสมน้ำแข็งที่เย็บเฉียบมารดราดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าเพื่อสัมผัสความเย็นซาบซ่าถึงขั้วหัวใจ และส่งคำท้าทายนี้ต่อไปยังเพื่อนสนิทอีกสามคนส่งต่อกันเป็นลูกโซ่ พร้อมกันนั้นก็ถ่ายเป็นคลิปวีดีโอสั้นๆส่งขึ้นยูทูปแบ่งปันทางสังคมออนไลน์ เป็นที่สนุกสนานและสร้างมิตรภาพต่อกัน
นักบุญเปาโล ท่านเรียกร้องเราท้าทายเราไม่ใช่เพียงแค่เพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินเพียงแค่ตัวเราและเพื่อนรอบข้างเท่านั้น แต่ท่านเรียกร้องเราท้าทายเราให้เราทุกคนมอบชีวิตของตนให้เป็นที่พอพระทัยของพระเป็นเจ้ามอบให้พระองค์ด้วยความเต็มใจไม่ได้ถูกใครบังคับ
“…ข้าพเจ้าเป็นที่น่าหัวเราะวันยังค่ำ ทุกคนเยาะเย้ยข้าพเจ้าทุกครั้งที่พูด ข้าพเจ้าต้องร้องขอความช่วยเหลือตะโกนว่าแย่แล้วตายแน่ๆ เพราะพระวาจาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าต้องอับอายและถูกเยาะเย้ยอยู่ตลอดวัน แม้ข้าพเจ้าจะพูดว่าข้าพเจ้าจะไม่คิดถึงพระองค์และจะไม่พูดในพระนามของพระองค์อีก แต่ข้าพเจ้าก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีไฟเผาอยู่ในใจ อัดอยู่ในกระดูกของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพยายามควบคุมไฟนี้ไว้จนอ่อนเปลี้ย แต่ก็ควบคุมไว้ไม่ไหว” (ยรม20 : 7-9)
ระหว่างที่ได้รู้จักกับIce-Basket และได้ดูคลิปวีดีโอของใครหลายคน ก็สนุกสนานและมีความสุขไปพร้อมกับเจ้าของและเพื่อนคนอื่นๆที่ได้ชม(กลัวเหมือนกันว่าจะมีคนมาท้าเหมือนกันครับ) เผอิญไปพบคลิปวีดีโอIce-Basket จากเพื่อนชาวเกาหลีที่ไปร่วมงานชุมนุมเยาวชนเอเชียAYD ที่ประเทศเกาหลีใต้ ได้เห็นและรู้สึกถึงความน่ารักจิตใจที่เขารักต่อพระเจ้า
คลิปวีดีโอของเราคนไทย เราพูดนำรับคำท้าทายเทน้ำเย็นที่ผสมด้วยน้ำแข็งลงสู่ตัวเองและจบท้ายด้วยร้อยยิ้มและคำท้าทายสู่คนต่อไป แต่คลิปวีดีโอของเพื่อนชาวเกาหลีผู้นี้เขาทำมากกว่านั้น หลังจากที่พูดด้วยรอยยิ้มท้าทายเพื่อนๆคนต่อไปแล้วคลิปวีดีโอยังมีภาพเขาเดินต่อไปไปสวดภาวนาขอบคุณพระที่ในวัด… ผมประทับใจมากๆ เยาวชนคนนี้เขามีมากกว่ามากกว่าจริงๆ
“พระเยซูเจ้าทรงเริ่มแจ้งแก่บรรดาศิษย์ว่าพระองค์จะถูกประหารชีวิตแต่จะทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สาม… พระองค์ตรัสกับเปโตรว่าเจ้าซาตานถอยไปข้างหลังเราเจ้าเป็นเครื่องกีดขวางเราเจ้าไม่คิดอย่างพระเจ้าแต่คิดอย่างมนุษย์… พระองค์ยังตรัสอีกว่าถ้าผู้ใดอยากตามเราก็จงเลิกคิดถึงตนเองจงแบกไม้กางเขนของตนและติดตามเรามาผู้ใดใคร่รักษาชีวิตของตนให้รอดพ้นก็จะสูญเสียชีวิตนิรันดรแต่ถ้าผู้ใดเสียชีวิตของตนเพราะพระองค์ก็จะพบชีวิตนิรันดร…” (เทียบมธ16:21-27)
หลายครั้งมนุษย์เราคิดตามประสาโลกคิดเพียงแค่เพื่อความสุขสนุกกายสบายใจของเรา แต่พระเยซูเจ้าเรียกเราท้าทายเราให้เลิกนึกคิดถึงความสุขตามที่โลกคิดและสอนเราให้เราคิด แต่ทำชีวิตของเราแม้จะยากลำบากให้เป็นชีวิตเพื่อเพื่อนพี่น้องคนอื่นเป็นชีวิตที่เต็มใจถวายชีวิตให้กับพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงสัญญาว่าเราจะพบกับความสุขแท้จริงและชีวิตนิรันดร…อาแมน.