คน มนุษย์ บุตรพระเจ้า
พัฒนาการ 3 ขั้นตอนที่เราต้องไปให้ถึง
“คนชั่วร้ายจงทิ้งทางของตน และคนอธรรมจงละทิ้งความคิดของตน”
ด้วยคำพูดของอิสยาห์ ในบทอ่านวันนี้ จึงกลายมาเป็นหัวข้อของบทสนทนาของเจ้าอาวาสประจำสัปดาห์นี้
หัวข้อที่จะพูดถึงก็คือ การพัฒนาชีวิตของเราให้ไปถึงเป้าหมายที่พระเป็นเจ้าได้วาง หรือ มีแผนไว้ นั่นคือ เราจะต้องพัฒนาตัวเอง จากความเป็นคนซึ่งถือว่าเป็นความเป็นอยู่ระดับต่ำสุดของชีวิต ไปสู่ความเป็นมนุษย์ ที่มีความเป็นอยู่ที่สูงขึ้น และจากนั้นเราต้องพัฒนาตัวเองไปจนถึงจุดสูงสุดของความเป็นอยู่ก็คือ การเป็นบุตรพระเจ้า
จะไม่ขอใช้หลักการของภาษาศาสตร์ที่อธิบายในหลักภาษาไทย แต่จะขอคิดแบบคนธรรมดาๆทั่วไป ในพจนานุกรม คน ใช้แทนคำว่า ผู้ หรือ ชาว เขาอธิบายไว้อย่างนั้น แต่ถ้าคำๆนี้ใช้เป็นกริยา ก็แปลว่า การกวน หรือ คนสิ่งที่อยู่นอนก้น หรือ ที่เกาะกันเป็นกลุ่มให้กระจาย หรือ คละ เคล้ากัน
ณ จุดนี้อยากจะเชิญชวนพวกเรา คือ ทั้งตัวผู้เขียนเอง และพี่น้องทั้งหลายผู้อ่านบทสนทนานี้ได้ลองพิจารณาว่าตัวเรา ณ ปัจจุบันขณะกำลังดำรงชีวิตอยู่ในระดับไหนของความเป็นอยู่ เป็นคน เป็นมนุษย์ หรือ เป็นบุตรพระเจ้า
สิ่งที่จะเป็นตัวบ่งบอกว่าสถานะภาพชีวิตของเราอยู่ในขั้นไหนเราก็ต้องดู ผลงานของชีวิต ของตัวเราเอง พระเยซูเจ้าตรัสว่า จะดูว่าต้นไม้ดี หรือ ไม่ดีต้องดูที่ผลของมัน ผลงานชีวิตของผู้ที่อยู่ในระดับความเป็นคน ก็คือ การสร้างความปั่นป่วน วุ่นวาย การกวนทุกอย่างให้ขุ่น การทำให้สิ่งที่เกาะกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน แตกกระจาย หรือไปอยู่ที่ไหนก็สร้างความเดือดร้อน วงแตก ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เกิดจากธรรมชาติฝ่ายต่ำที่ติดอยู่กับ บุคคลผู้นั้น นั่นคือ ความชั่วร้าย และความอธรรม และเราอาจจะเติมต่อได้อีกคือ กิเลส ตัณหา ฯลฯ
ดังนั้นพระเป็นเจ้าจึงตรัสว่า “คนชั่วร้ายจงละทิ้งทางของตน และคนอธรรมจงละทิ้งความคิดของตน”
นั่นคือ คน ที่มีความชั่วร้ายประจำตัว จงละทิ้งความชั่วร้ายนั้น และ
คนที่มีความอธรรมประจำตัวก็จงละทิ้งความอธรรมนั้น
เราจะเห็นความเป็นคนปรากฏอยู่ในพระวรสารวันนี้ คือพวกคนงานเหล่านั้น เมื่อเริ่มต้นรับค่าแรง คนเหล่านั้นก็เริ่มคนให้สถานการณ์การจ่ายค่าจ้างมีปัญหาทันที ความวุ่นวายไม่สงบเกิดขึ้นที่โต๊ะจ่ายเงิน จนเจ้าของสวนต้องพูดตำหนิติเตียน ผู้ก่อความวุ่นวายเหล่านั้น
เราแต่ละคนมีความเป็นคนอยู่ในตัวไม่มากก็น้อย และเราต้องสลัดตัด(†)ความเป็นคนนั้น ทิ้งไปให้หมดสิ้น หรือ อย่างน้อยให้เหลือน้อยลงเพื่อจะได้ก้าวเข้าสู่พัฒนาการขั้นที่ 2 ไปสู่ความเป็นมนุษย์ และต่อๆไป
พจนานุกรมอธิบายว่า มนุษย์คือ สัตว์ที่มีจิตใจสูง หรือ มนุษย์ คือ สัตว์ที่มีหัวใจ มีความรู้สึก มีน้ำจิตน้ำใจ พัฒนาการขั้นที่ 2 นี้จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก เพราะเพื่อจะบรรลุพัฒนาการขั้นที่ 2 นี้ แต่ละคนต้องตัดตามความเห็นแก่ตัว หรือ ตัดใจที่เห็นแก่ตัว หรือพูดให้ชัดกว่านั้นคือ ตัดความเป็นคนออกไป คน ก็จะเริ่มก้าวเข้าไปสู่พัฒนาการขั้นที่ 2 นั่นคือ ไปสู่ความเป็นมนุษย์
ให้เรามองรอบๆตัวเรา เพื่อสำรวจดูว่าโลกและสังคมของเรามีมนุษย์มากกว่าคนหรือไม่
ส่วนพัฒนาการขั้นสูงสุด คือการเป็นบุตรพระเจ้าซึ่งเราก็มีผู้ชี้แนะหนทางการเป็นบุตรพระเจ้าอยู่แล้ว และผู้นั้นคือ องค์พระเยซูคริสตเจ้า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต” พระองค์คือผู้ที่เสด็จมาช่วยชี้แนะให้เราพัฒนาตัวเราเอง ให้หลุดจากความเป็นคน ไปสู่ความเป็นมนุษย์ และสุดท้ายให้เป็นบุตรพระเจ้า
พระเยซูเจ้าคือผู้ช่วยให้เราหลุดพ้น จากความเป็นคนที่มีความรู้สึกนึกคิดชั่วร้าย และความอธรรมไปสู่ความเป็นบุคคลที่มีความรู้สึกนึกคิดและการกระทำแบบพระเจ้า อยู่ตรงที่ว่า เราจะยอมหรือไม่ยอมเท่านั้น แต่ก็มีหลายคนทำท่าว่าจะยอม แต่ก็ยังคงอิดออดๆ รีๆรอๆ เหยียบเรือสองแคม ดังนั้นพัฒนาการก็ไปไม่ถึงไหน ร้ายกว่านั้นชีวิตย่ำอยู่กับที่
โลกของเราต้องการมนุษย์ และบุตรพระเจ้า เพื่อทำให้โลกทั้งโลกเป็นสวรรค์ในโลก แต่ดูเหมือนโลกจะมีแต่คน มากกว่ามีมนุษย์ และบุตรพระเจ้า