ข้อคิดอาทิตย์ที่ 5 เทศกาลปัสกา ปี B ยน 15:1-8…กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 5 เทศกาลปัสกา ปี B ยน 15:1-8…กิ่งองุ่นเกิดผลด้วยตนเองไม่ได้ ถ้าไม่ติดอยู่กับเถาองุ่นฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ ถ้าไม่ดำรงอยู่ในเราฉันนั้น […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 4 เทศกาลปัสกา ปี B ยน 10:11-18…ผู้เลี้ยงแกะที่ดียอมสละชีวิตเพื่อแกะของตน…เรายังมีแกะอื่นๆซึ่งไม่อยู่ในคอกนี้…จะมีแกะเพียงฝูงเดียวและผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว ในบรรดาภาพลักษณ์ทั้งหลายของพระเยซูเจ้าที่เรามีอยู่ ภาพลักษณ์ที่น่ารักที่สุดภาพหนึ่ง ก็น่าจะเป็นภาพของ“ผู้เลี้ยงแกะที่ดี”และเป็นองค์พระเยซูเจ้าที่ได้ทรงใช้ภาพนี้เพื่อหมายถึงพระองค์เอง…ให้เราลองสำรวจดูตัวเราเองว่าเราได้มีความไว้เนื้อเชื่อใจและได้พยายามติดตามอย่างใกล้ชิดพระผู้เลี้ยงแกะที่ดีท่านนี้อย่างไรบ้าง?… […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่3เทศกาลปัสกา ปี B ลก24: 35-48…ท่านวุ่นวายใจทำไมเพราะเหตุใดท่านจึงมีความสงสัยในใจจงดูมือและเท้าของเราซิเป็นเราเองจริง…พระคริสตเจ้าจะต้องรับทนทรมานและจะกลับคืนชนมชีพจากบรรดาผู้ตายในวันที่สาม… ในพระวรสารเราจะพบว่าบรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้ากำลังสนทนากันอยู่ถึงเรื่องของพระองค์พวกเขาที่ได้รับบาดแผลหัวใจแต่พระเยซูเจ้าได้ทรงปรากฎองค์ให้พวกเขาได้แลเห็นและได้ทรงประทานสันติสุขของพระองค์ให้กับพวกเขาพลางได้มอบพันธกิจให้กับพวกเขาเพื่อเป็นการสานต่อพันธกิจของพระองค์ ข้อคิด…ในบทอ่านที่หนึ่งจากหนังสือกิจการอัครสาวก(กจ3: 13-15. 17-19) นักบุญเปโตรได้แสดงความกล้าหาญอย่างยิ่งใหญ่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับประชาชนที่ได้มีส่วนร่วมต่อการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าอย่างไรก็ตามท่านก็ได้แก้ตัวให้กับพวกเขาพลางบอกว่าที่พวกเขาได้ทำลงไปนั้นก็เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ด้วยประการฉะนี้ท่านจึงได้ให้แรงบันดาลใจแก่พวกเขาด้วยคำอธิษฐานขององค์พระเยซูเจ้าขณะที่กำลังจะสิ้นพระชนม์ว่า“ข้าแต่พระบิดาเจ้าโปรดยกโทษให้พวกเขาพวกเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรลงไป” ท่านได้เร่งรัดให้ประชาชนทำการกลับใจใช้โทษบาปพลางให้คำมั่นสัญญากับพวกเขาว่าถ้าหากพวกเขาทำเช่นนั้นบาปของพวกเขาก็จะได้รับการอภัย […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 2 เทศกาลปัสกาปีB ยน20:19-31…โทมัสตอบว่า“ถ้าข้าพเจ้าไม่ได้เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์และไม่ได้เอานิ้วแยงเข้าไปที่รอยตะปูและไม่ได้เอามือคลำที่ด้านข้างพระวรกายของพระองค์ข้าพเจ้าจะไม่เชื่อเป็นอันขาด”…“องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้าและพระเจ้าของข้าพเจ้า” …คงเป็นความเข้าใจผิดที่เชื่อว่าความเชื่อศรัทธาในองค์พระเยซูเจ้าสำหรับคนที่ได้เห็นพระเยซูเจ้าเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าสำหรับพวกเราที่ไม่ได้เห็นพระองค์เหมือนพวกเขา…พระวรสารเองได้แสดงให้เห็นว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่ได้เห็นพระเยซูเจ้าแต่ก็ไม่ได้เชื่อในพระองค์เพราะแลเห็นแล้วก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องเชื่อเพราะการที่จะเชื่อนั้นเรียกร้องการตัดสินใจ… ข้อคิด…จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าใครที่อยากจะมีความเชื่อความศรัทธาในพระเจ้าและในองค์พระเยซูเจ้านั้นจะสามารถได้มาง่ายๆพระวรสารได้แสดงให้เห็นว่าแม้พวกอัครสาวกที่ใช้ชีวิตอยู่กับพระเยซูเจ้าก็มีปัญหาในเรื่องของความเชื่อเหมือนกันโทมัสมิใช่เป็นอัครสาวกเพียงคนเดียวที่สงสัยว่าพระเยซูเจ้าได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจริงๆหรือเปล่าอัครสาวกองค์อื่นๆก็มีความสงสัยคล้ายๆกันนักบุญมาระโกบอกพวกเราว่าเมื่อพระเยซูเจ้าได้ประจักษ์ให้กับพวกเขาได้แลเห็นในเวลาเย็นของวันอาทิตย์ปัสกานั้นพระองค์ได้ทรงตำหนิพวกเขาสำหรับความเชื่อยากและความใจแข็งกระด้างของพวกเขาเพราะว่าพวกเขามิได้เชื่อคนที่ได้แลเห็นพระองค์หลังจากที่พระองค์ได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้ว(มก16: 14) เราอาจจะเห็นใจพวกอัครสาวกเพราะการที่พระเยซูเจ้าต้องถูกตรึงที่ไม้กางเขนนั้นเป็นการทำลายขวัญและกำลังใจและความเชื่อมั่นศรัทธาในพระองค์จนหมดสิ้นพวกเขาได้ตั้งความหวังไว้อย่างมากในการติดตามองค์พระเยซูเจ้าพวกเขาได้ละทิ้งอาชีพการงานของตนพูดง่ายๆก็คือพวกเขาได้ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะติดตามพระองค์และหวังจะได้เป็นใหญ่เป็นโตถ้าหากพระองค์ประสบความสำเร็จทางการเมืองและจู่ๆพระองค์ก็จากไปเสียอย่างนั้นแหละการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่จะประเมินได้สำหรับพวกเขาค่านิยมและความหมายของสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสอนพวกเขาไว้กำลังถูกท้าทายอย่างหนักไม่ว่าจะเป็นการเคยร่วมโชคชะตาเดียวกันกับพระองค์การเคยกินอยู่และทำอะไรต่างๆด้วยกันกับพระองค์ความเชื่อมั่นศรัทธาที่มีต่อพระองค์และฃีวิตที่เหลือของพวกเขาแต่นี้ต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ไม่มีใครจะรับประกันให้ได้ […]
ข้อคิดวันอาทิตย์สมโภชปัสกา ยน20: 1-9…เขาเห็นและมีความเชื่อแต่อัครสาวกทั้งสองยังไม่เข้าใจพระคัมภีร์ที่ว่าพระเยซูเจ้าต้องทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย… วันนี้เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองเป็นวันที่พระคริสตเจ้าได้ทรงหักโซ่ตรวนแห่งความตายและได้ทรงเสด็จกลับคืนพระชนมชีพจากความตายอย่างพระผู้มีชัย…มิใช่เพื่อพระองค์เองแต่เพื่อเรามนุษย์ทุกๆคนและพระองค์ทรงต้องการให้เราได้มีส่วนร่วมในชัยชนะอันยิ่งใหญ่เหนือบาปและความตายของพระองค์… ข้อคิด…นักบุญเปโตรได้ปราศรัยกับประชาชนว่า“เขาประหารพระเยซูเจ้าชาวนาซาเร็ธโดยตรึงบนไม้กางเขนแต่พระเจ้าได้ทรงบันดาลให้พระองค์กลับคืนพระชนมชีพในวันที่สามและโปรดให้พระองค์แสดงพระองค์มิใช่แก่ประชาชนทั้งปวงแต่ทรงแสดงพระองค์แก่บรรดาพยานที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้ล่วงหน้าแล้วคือเราทั้งหลายที่ได้กินและได้ดื่มร่วมกับพระองค์หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย” (กจ10: 34-43) การรับทนทุกข์ทรมานและการสิ้นพระชนม์ที่ไม้กางเขนและการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าพระผู้ไถ่ได้นำความรอดพ้นมาสู่มนุษยชาติเหตุที่พระองค์ทรงปรารถนาสิ้นพระชนม์เพื่อเรามนุษย์ทุกคนก็เพราะทรงมีพระประสงค์ให้เราผู้เชื่อและศรัทธาในพระองค์ได้รับชีวิตนิรันดร์คือเมื่อถึงกำหนดเวลาพระองค์ได้ทรงพอพระทัยเสด็จลงมาจากสวรรค์มาบังเกิดเป็นมนุษย์เหมือนกับเรามนุษย์ในทุกๆอย่างยกเว้นบาปเพื่อให้เราสามารถรับนิรันดรภาพเป็นมรดกตามพระสัญญาและเจริญชีวิตกับพระองค์ตลอดไปในพระอาณาจักรของพระเจ้า […]
ข้อคิดอาทิตย์(ใบลาน) พระทรมานของพระเยซูคริสตเจ้าปีB มก11: 1-11 และมก14:1-15, 47…โฮซันนาขอถวายพระพรแด่ผู้มาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าขอพระพรจงมีแด่พระอาณาจักรที่กำลังจะมาถึงของกษัตริย์ดาวิดบรรพบุรุษของเราโฮซานนาณสวรรค์สูงสุด…ท่านทุกคนจะทอดทิ้งเรา…แต่เมื่อเรากลับคืนชีพแล้วเราจะไปยังแคว้นกาลิลีก่อนหน้าท่าน ในวันนี้คริสตชนทั่วโลกทำการเฉลิมฉลองพระทรมานของพระเยซูคริสตเจ้าด้วยการแห่แหนพระองค์ด้วยกิ่งปาล์มเข้ากรุงเยรูซาเล็มนครศักดิ์สิทธิ์เพื่อรับทนทรมานสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพ…นี่เป็นฉากแรกของช่วงสุดท้ายแห่งชีวิตของพระองค์ซึ่งกำลังจะถูกทอดทิ้งจากศิษย์ของพระองค์เองและดูเหมือนว่าจากพระบิดาเจ้าด้วย…บุตรแห่งมนุษย์ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ข้อคิด…วันอาทิตย์พระทรมานของพระคริสตเจ้าหรือวันอาทิตย์ใบลานเป็นวันฉลองที่ไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นวันเดียวกันของทุกๆปีแต่จะเป็นวันอาทิตย์ก่อนวันอาทิตย์ปัสกาหนึ่งสัปดาห์วันฉลองนี้เชิญชวนให้เราได้รำลึกถึงเหตุการณ์หนึ่งซึ่งได้มีเล่าไว้ในพระวรสารทั้งสี่คือมก11: 1-11, มธ21: […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต ปี B ยน 12: 20-33…ถ้าเมล็ดข้าวได้ตกลงในดินและตายไป…มันก็จะบังเกิดผลมากมาย…ข้าแต่พระบิดาเจ้าข้า โปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากเวลานี้…โปรดประทานพระสิริรุ่งโรจน์แด่พระนามของพระองค์เถิด…เมื่อเราจะถูกยกขึ้นจากแผ่นดิน เราจะดึงดูดทุกคนเข้ามาหาเรา เมล็ดข้าวต้องเปื่อยเน่าตายไปเพื่อที่จะบังเกิดผล เช่นเดียวกัน เราต้องตายต่อตัวเราเองเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความเป็นมนุษย์และอย่างลูกของพระเจ้าได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อรับใช้พระเจ้าและรับใช้เพื่อนพี่น้อง ข้อคิด…ในบทอ่านแรก (ยรม 31: […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 4 เทศกาลมหาพรต ปี B ยน 3: 14-21…โมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์ จะมีชีวิตนิรันดร…พระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้ เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น… นักบุญยอห์นบอกว่าเมื่อความสว่างของพระคริสต์เข้ามาในโลกนี้ ก็มีบางคนไม่ยอมรับความสว่างนี้…ทำไม?…เพราะว่าการกระทำของพวกเขานั้นชั่วร้าย… อนิจจา! หลายๆครั้งเรากลับไม่ยอมต้อนรับความสว่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสว่างแห่งพระวาจาของพระเยซูเจ้า…ให้เราวิงวอนขอพระเยซูเจ้า […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 3 เทศกาลมหาพรต ปี B ยน 2: 13-25…ความรักที่ข้าพเจ้ามีต่อบ้านของพระองค์ เป็นเสมือนไฟที่เผาผลาญข้าพเจ้า…จงทำลายพระวิหารนี้ แล้วเราจะสร้างขึ้นใหม่ภายในสามวัน… เรามาชุมนุมกันในบ้านของพระเจ้าซึ่งเป็นบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนาและกราบไหว้นมัสการพระเจ้า เฉพาะพวกเราเท่านั้นที่สามารถบันดาลให้วัดนี้ เป็นบ้านแห่งการอธิษฐานภาวนา…ขอให้การอธิษฐานภาวนาของเราเป็นการกราบไหว้นมัสการพระเจ้าของเราอย่างแท้จริง ข้อคิด…พฤติกรรมของพระเยซูเจ้าในการชำระล้างพระวิหาร เป็นการประท้วงต่อต้านการเอาศาสนามาทำเป็นธุรกิจการค้าและเป็นการประท้วงต่อการทำทุรจารต่อพระวิหารของพระเจ้า…แต่ว่าลึกๆลงไป น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น พฤติกรรมดังกล่าวเป็นพฤติกรรมทางสัญลักษณ์ตามแบบอย่างของพระธรรมเก่าดังที่ท่านประกาศกเยเรมีย์ได้กล่าวในนามของพระยาเวห์ว่า “พระนิเวศน์ซึ่งเรียกตามชื่อของเรา ในสายตาของเจ้าได้กลายเป็นถ้ำของโจรไปแล้วหรือ” (ยรม 7: […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 2 เทศกาลมหาพรต ปี B มก9: 2-10…พระวรกายของพระเยซูเจ้าเปลี่ยนไปต่อหน้าศิษย์ทั้งสาม…และมีเสียงหนึ่งออกมาจากก้อนเมฆว่าผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเราจงฟังท่านเถิด… บนภูเขาทาบอร์ศิษย์รักของพระเยซูเจ้าสามท่านเปโตรยากอบและยอห์นได้แลเห็นพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเยซูเจ้าอย่างบุตรของพระเจ้าชั่วขณะหนึ่งช่างเป็นประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์ใจจริงๆสำหรับศิษย์ทั้งสามจนทำให้เปโตรถึงกับอุทานออกมาว่า“พระอาจารย์เจ้าข้าที่นี่สบายน่าอยู่จริงๆ”…เช่นเดียวกันที่นี่เช้าวันนี้ก็น่าอยู่จริงๆสำหรับพวกเราที่มาอยู่พร้อมหน้ากันรอบๆพระแท่นบูชาขององค์พระเยซูเจ้าอย่างบุตรของพระเจ้าเหมือนกัน… ข้อคิด…พระเยซูเจ้าทรงแสดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์เป็นเรื่องราวของการแสดงองค์ของพระเจ้า…การแสดงองค์ของพระเจ้าเป็นเรื่องราวปรกติธรรมดาในผลงานเขียนทางศาสนาของศาสนิกชนอื่นๆในสมัยโบราณในเรื่องเล่านี้ม่านที่กั้นระหว่างโลกที่แลเห็นไม่ได้กับโลกที่แลเห็นได้อนาคตกับปัจจุบันได้ถูกโยกย้ายออกไปเป็นการชั่วคราวและความจริงก็ได้รับการไขแสดง…ในเหตุการณ์แสดงพระองค์ของพระเยซูเจ้านี้ศิษย์ทั้งสามได้แลเห็นเกียรติมงคลของพระผู้ได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆแต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังไม่ได้เข้าใจอะไรเลยจนกว่าพระเยซูเจ้าจะได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้วเท่านั้น ในบทอ่านที่หนึ่ง(ปฐก22: 1-2. 9-13. […]