ข้อคิดสอนใจฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า พระแม่มารีย์และนักบุญโยเซฟ ปี B บสร 3: 3-7, 14-17ก…บุตรที่ให้เกียรติบิดา จะมีอายุยืน…ใครเคารพนับถือบิดา ก็จะประสบความสุขสันต์หรรษากับบุตรของตนเอง…บุตรที่เชื่อฟังพระเจ้า […]
ข้อคิดสอนใจฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า พระแม่มารีย์และนักบุญโยเซฟ ปี B บสร 3: 3-7, 14-17ก…บุตรที่ให้เกียรติบิดา จะมีอายุยืน…ใครเคารพนับถือบิดา ก็จะประสบความสุขสันต์หรรษากับบุตรของตนเอง…บุตรที่เชื่อฟังพระเจ้า […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 4 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี B ลก1: 26-38…ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง…ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด… ในขณะที่การบังเกิดของกุมารน้อยท่านหนึ่งกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะความสนใจของเราก็จะพุ่งเป้าไปที่ผู้เป็นมารดาเนื่องจากเรากำลังจะทำการสมโภชการสมภพของพระคริสตเจ้าจึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใดที่เราจะพบว่าพระแม่ได้กลายเป็นจุดสนใจของพระวรสารในวันนี้ ข้อคิด…“พระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์”…พระนางมารีย์ทรงมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดในธรรมล้ำลึกแห่งพระวจนาตถ์ทรงรับธรรมชาติมนุษย์และก็มีอีกท่านหนึ่งซึ่งได้มีส่วนร่วมในธรรมล้ำลึกนี้กับพระนางโดยเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์แห่งการช่วยให้รอดพ้นนี้ด้วยนั่นก็คือชายที่ได้หมั้นกับพระนาง“โยเซฟแห่งนาซาเร็ธ”…พระเจ้าได้ทรงนำพาท่านโยเซฟให้เข้าสู่ธรรมล้ำลึกแห่งการเป็นพระมารดาของพระนางมารีย์ซึ่งได้เกิดขึ้นเดชะฤทธิ์อำนาจขององค์พระจิตเจ้าโดยที่พระนางนั้นยังคงเป็นพรหมจารีอยู่ จากบทอ่านที่หนึ่งของหนังสือซามูแอลฉบับที่สอง(2 ซมอ7: 1-5. […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 3 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าปีB ยน1: 6-8. 19-28…อาทิตย์ที่สามเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าเป็นอาทิตย์แห่งความชื่นชมยินดี“Gaudete Sunday” เพราะใกล้วันสมโภชพระคริสตสมภพ…ท่านยอห์นแบปติสต์เสียงร้องแห่งถิ่นทุรกันดารก็เป็นเสียงร้องแห่งเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า… ท่านยอห์นมาในฐานะพยานเพื่อเป็นพยานถึงแสงสว่าง…ท่านเป็นเสียงของผู้ที่ร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่า“จงทำทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงเถิด”…มีผู้หนึ่งประทับอยู่ในหมู่ท่านเป็นผู้ที่พวกท่านไม่รู้จักซึ่งก็หมายถึงพระเยซูเจ้าซึ่งเป็นองค์ความสว่างที่กำลังใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขาแต่พวกเขาหารู้จักพระองค์ไม่…แต่ว่าเรารู้จักพระองค์แล้วและพระองค์ทรงประทับอยู่ท่ามกลางพวกเราในขณะนี้ขณะที่เราชุมนุมกันเพื่อเฉลิมฉลองพิธีบูชาขอบพระคุณของพระองค์ ข้อคิด…คำที่เป็นกุญแจในคริสตศาสนาของเราก็คือ“ความรอดพ้น” […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 2 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี B มก1: 1-8…จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าจงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด…ภายหลังข้าพเจ้ามีท่านหนึ่งเสด็จมาทรงอิทธิฤทธิ์ยิ่งกว่าข้าพเจ้าอีกซึ่งข้าพเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะน้อมตัวลงแก้สายฉลองพระบาทให้… ท่านยอห์นแบปติสต์ได้บอกกับผู้คนร่วมสมัยกับท่านว่า“มีผู้หนึ่งอยู่ท่ามกลางพวกเราซึ่งพวกท่านไม่รู้จัก” (ยน1: 26-27)…ท่านกำลังพูดถึงพระเยซูเจ้าซึ่งอยู่ท่ามกลางประชาชนแต่พวกเขากลับไม่รู้จักพระองค์…ในขณะนี้ที่เรากำลังร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณก็เป็นองค์พระเยซูเจ้าซึ่งกำลังประทับอยู่ท่ามกลางพวกเราเช่นเดียวกัน ข้อคิด…ในพระวรสารของวันอาทิตย์นี้เราจะได้ยินเสียงร้องอันโดดเดี่ยวแต่เต็มไปด้วยพลังของท่านยอห์นแบปติสต์ซึ่งกำลังเรียกร้องให้เราได้เตรียมหนทางขององค์พระผู้เป็นเจ้านี่หมายความว่าเราจะต้องพยายามหาเวลาว่างในชีวิตของเราที่กำลังยุ่งอยู่กับการงานและธุระต่างๆของเรารวมทั้งให้จัดสรรพื้นที่ในหัวใจของเราให้ว่างสำหรับต้อนรับพระองค์ ในบทอ่านแรกจากหนังสือของประกาศกอิสยาห์(อสย40: […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 1 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี B มก13: 33-37; 1คร1: 3-9…จงตื่นเฝ้าเถิดเพราะท่านไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะมาเมื่อไร…และในขณะที่รอคอยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าเป็นช่วงเวลาของการตื่นเฝ้าระวังเป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอยการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระคริสตเจ้าองค์พระตุลาการสูงสุดณวันสิ้นโลกและเรายังคอยการเสด็จมาของพระองค์ณเวลาที่เราจะต้องลาจากโลกนี้อีกด้วยเนื่องจากว่าทั้งสองช่วงเวลานี้ได้ถูกปิดบังไว้สำหรับพวกเราเราจึงต้องอยู่ในสภาพของการเตรียมตัวให้พร้อมและด้วยการตื่นเฝ้าอยู่เสมอเพื่อพร้อมที่จะพบกับพระองค์ณเวลาใดก็ได้ ข้อคิด…เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าเป็นการเตรียมตัวเตรียมจิตใจพวกเราสำหรับการสมโภชพระคริสตสมภพและเพื่อจะช่วยเราให้ได้เข้าใจข่าวดีของวันพระคริสตสมภพเราต้องเริ่มจากจุดเริ่มต้นของพระคริสตสมภพนี้คือเริ่มจากประวัติศาสตร์ของการช่วยให้รอดพ้นตั้งแต่การสร้างโลกเลยทีเดียวดังนั้นพิธีกรรมของการเตรียมสมโภชพระคริสตสมภพจะเป็นการทำให้ประวัติศาสตร์ของการช่วยให้รอดพ้นได้รับการฟื้นฟูให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่งทุกๆปีโดยการมองพระคริสตสมภพนี้ผ่านทางความเชื่อของคริสตชนซึ่งจะทำให้แลเห็นว่าข่าวดีของประวัติศาสตร์แห่งการช่วยให้รอดพ้นนี้ จะนำเราไปสู่องค์พระเยซูคริสตเจ้าเพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพระผู้ที่ได้ทำให้บรรดาคำทำนายต่างๆถึงพระแมสสิยาห์ในพระธรรมเก่าได้สำเร็จไป […]
ข้อคิดวันสมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล (อาทิตย์ที่สามสิบสี่เทศกาลธรรมดาปีA) มธ25: 31-46…บุตรแห่งมนุษย์จะประทับเหนือพระบัลลังค์อันรุ่งโรจน์…พระองค์จะทรงแยกบรรดาประชาชาติออกเป็นสองพวก…และจะตรัสกับผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า“เชิญมาเถิดท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา”… ในวันนี้พระศาสนจักรทำการสมโภชพระเยซูคริสตเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล…เมื่อเราคิดถึงกษัตริย์เราก็มักจะคิดถึงบุคคลซึ่งปกครองดูแลประชาชนและมีอำนาจเหนือพวกเขา…แต่ว่าพระคริสตเจ้ามิได้เป็นเช่นนั้นพระองค์มิได้เสด็จมาในโลกเพื่อที่จะมีอำนาจเหนือพวกเขาแต่เพื่อจะรับใช้มากกว่าดังนั้นเพื่อจะเป็นการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีของเราที่มีต่อพระองค์ในโอกาสสมโภชนี้ก็คือให้เรารับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันตามแบบฉบับของพระองค์ ข้อคิด…ในภาพของการพิพากษาสุดท้ายในพระวรสารของนักบุญมัทธิวในอาทิตย์สุดท้ายของเทศกาลธรรมดาที่พระศาสนจักรนำเสนอให้นั้นเป็นการสมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาลซึ่งควรจะต้องเป็นภาพของกษัตริย์และตุลาการที่แสดงความอ่อนโยนตามที่ท่านประกาศกเอเสเคียลในบทอ่านที่หนึ่งได้บรรยายให้เราได้แลเห็นในบทบาทของคนเลี้ยงแกะที่ดีซึ่งในขณะที่กำลังเฝ้าดูแลแกะทุกๆตัวในฝูงก็ได้แสดงความเอาใจใส่เป็นพิเศษต่อแกะที่อ่อนแอและไม่สบายนี่เป็นภาพลักษณ์ที่องค์พระคริสตเจ้ามักจะใช้พรรณนาพระบุคคลและภารกิจของพระองค์เอง…เป็นภาพของการรับใช้“พี่น้องผู้ต่ำต้อย” คำพูดที่น่าจดจำของคุณแม่เทเรซาซึ่งได้กล่าวว่า“โรคภัยที่เลวร้ายที่สุดบนโลกใบนี้ในทุกวันนี้ก็คือความรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นที่ต้องการของสังคมและความชั่วร้ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือการขาดความรักสิ่งที่คนยากจนน่าสงสารต้องการมากกว่าอาหารเสื้อผ้าและที่พักพิงอาศัยก็คือให้ตัวเองเป็นบุคคลที่สังคมยอมรับ” ดังนั้นพระวาจาของพระคริสตเจ้าจึงเป็นพระวาจาที่บรรดาคริสตชนควรจะต้องจดจำไว้และนำเอาไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ไม่น่าแปลกใจที่ในการพิพากสุดท้ายที่พระเยซูเจ้าจะบอกเราว่า…กษัตริย์จะตรัสแก่ผู้ที่อยู่เบื้องซ้ายว่า “จงไปให้พ้น…เพราะว่าเราหิวมิใช่หิวอาหารแต่ว่าหิวการยิ้มต้อนรับแต่เจ้ากลับทำเป็นเมินเฉย…เราหิวคำพูดที่ให้กำลังใจแต่เจ้ากลับด่าว่าเรา […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ25: 14-30…ดีมากผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อยเราจะให้จัดการในเรื่องใหญ่ๆจงมาร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด… พวกเราแต่ละคนซึ่งมาชุมนุมกันอยู่รอบๆพระแท่นบูชาขององค์พระเยซูคริสตเจ้าไม่มีใครที่เหมือนกันกับอีกคนหนึ่งในทุกอย่างและในทุกเรื่องพระเจ้าได้ทรงประทานพระพรให้แก่แต่ละคนไม่เหมือนกันถ้าหากเราจะใช้พระพรเหล่านี้อย่างดีก็จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งแก่ตัวเราเองและแก่คนอื่นด้วย…มีใครบ้างในพวกเราที่สามารถพูดได้ว่าเราได้ใช้พระพรแห่งพระหรรษทานและธรรมชาติที่พระเจ้าได้ทรงประทานมาให้อย่างดีมีประโยชน์? ข้อคิด…ขณะที่กำลังใกล้จะสิ้นสุดปีพิธีกรรมพระศาสนจักรผู้เป็นมารดาและมีความหวังดีต่อลูกๆของท่านก็อยากจะเตือนสอนลูกๆของท่านให้คิดถึง“เหตุสุดท้าย” ของมนุษยชาติคือความตายการพิพากษาสวรรค์และนรกและเตรียมตัวอย่างดีและเหมาะสมในการรับมือกับสถานการณ์ที่ว่านี้อันจะเกิดขึ้นเมื่อใดและอย่างไรกับตัวเราในบั้นปลายแห่งชีวิตไม่มีใครรู้…นักบุญเปาโลเชื่อว่าการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระเยซูคริสตเจ้ากำลังจะมาถึงในเร็วๆนี้ดังนั้นท่านจึงเร่งรัดให้ชาวเธสะโลนิกาให้ตื่นเฝ้าเตรียมพร้อมอยู่เสมออย่างไรก็ตามแม้นักบุญมัทธิวจะยอมรับว่าการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระเยซูเจ้าอาจจะถูกชะลอให้ช้าลงไปบ้างแต่ถึงกระนั้นท่านนักบุญก็ได้พูดถึงความจำเป็นที่จะต้องตื่นเฝ้าเตรียมพร้อมเช่นเดียวกันจึงในอุปมาเรื่องเงินตะลันต์ท่านนักบุญได้ชี้แจงว่าการตื่นเฝ้าเตรียมพร้อมที่ว่านี้หมายความว่าอย่างไร…การตื่นเฝ้าเตรียมพร้อมคือการนำเอาพระวาจาขององค์พระเยซูเจ้ามาปฏิบัติอย่างไม่รอช้าและอย่างเต็มความสามารถส่วนในบทอ่านที่หนึ่งจากหนังสือสุภาษิตนั้นก็ได้กล่าวถึงหญิงซึ่งเป็นแบบอย่างชีวิตที่ดียอดเยี่ยมเพราะเธอได้ใช้พระพรหรือความสามารถที่พระเจ้าได้ทรงประทานให้อย่างขยันขันแข็งและอย่างมีคุณธรรม ในพระวรสารวันนี้เราได้ยินได้ฟังเรื่องของบุรุษผู้หนึ่งซึ่งกำลังจะออกเดินทางไกลจึงเรียกผู้รับใช้มามอบทรัพย์สินให้ดูแลส่วนผู้รับใช้จะเอาทรัพย์ไปทำอะไรไปทำอย่างไรก็เป็นเรื่องของการริเริ่มของพวกเขาแต่ละคนและในผู้รับใช้ทั้งสามคนที่พระวรสารเอ๋ยถึงนั้นเป็นคนที่สามหรือคนสุดท้ายที่พระวรสารได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษซึ่งเชื่อว่าวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดก็คือเอาทรัพย์สินของเจ้านายไปฝังไว้ในดินและเมื่อนายกลับมาก็จะไปขุดเอามาคืนให้เจ้านายได้ดังเดิม เราจะเห็นว่าในเรื่องอุปมานี้พระเยซูเจ้ากำลังพุ่งประเด็นไปที่พวกคัมภีราจารย์และชาวฟาริสีซึ่งคิดแต่จะรักษาธรรมบัญญัติไม่ให้ใครแตะต้องได้โดยไม่ยอมให้มีการยืดหยุ่นหรือปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆของสังคมด้วยท่าทีแบบนี้ของพวกเขาพระเยซูเจ้าจึงได้ทรงตำหนิพวกเขาอย่างรุนแรงว่าเป็นการทำร้ายและทำลายชีวิตของประชาชน […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 32เทศกาลธรรมดา ปี A มธ25: 1-13…เจ้าบ่าวมาแล้วจงออกไปต้อนรับกันเถิด… คริสตชนทุกคนเปรียบเสมือนคนถือตะเกียงที่ส่องแสงสว่างของพระคริสตเจ้าส่องสว่างให้กับโลกที่มืดมนแต่ว่าบ่อยๆครั้งเราก็คงเหมือนกับหญิงโง่ในพระวรสารวันนี้ที่ปล่อยให้แสงสว่างอันสุดประเสริฐของพระเยซูเจ้านี้ต้องริบหรี่ลงหรือบางทีก็ดับมอดไปเลยในชีวิตของเรา ข้อคิด…บทอ่านแรกจากหนังสือปรีชาญาณ(ปชญ6: 12-16) เป็นการชื่นชมปรีชาญาณซึ่งในวันนี้ได้ถ่ายทอดลงไปในบุคคลของหญิงฉลาดทั้งห้าคนในพระวรสาร…ในขณะที่นักบุญเปาโลกำลังรอคอยการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งขององค์พระคริสต์ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าส่วนนักบุญมัทธิวในพระวรสารก็ยอมรับว่าการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระเยซูเจ้านั้นอาจจะต้องล่าช้าไปเพราะเป้าหมายของเรื่องอุปมานี้อยู่ที่บรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้าซึ่งไม่รู้วันหรือเวลาของการเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าดังนั้นพวกเขาต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อว่าเมื่อพระองค์จะเสด็จมาพวกเขาจะได้สามารถเข้าสู่พระอาณาจักรพระเจ้าพร้อมกับพระองค์ การเตรียมตัวให้พร้อมหมายถึงการเป็นผู้ปฏิบัติมากกว่าที่จะเป็นเพียงผู้ฟังพระวาจาเท่านั้น คงจะเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวมากสักเพียงใดเมื่อมาถึงที่หน้าประตูสวรรค์เคาะประตูเพื่อที่จะเข้าไป…พระเยซูเจ้าเดินออกมาแล้วทรงตรัสกับเราว่า“เราไม่รู้จักท่าน” […]
ข้อคิดวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย 1 พฤศจิกายน มธ5: 1-12ก…“เชิญมาเถิดท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเราเชิญมารับอาณาจักรเป็นมรดกที่เตรียมไว้ให้ท่านแล้วตั้งแต่สร้างโลก”… ในวันนี้ซึ่งเป็นวันสมโภชนักบุญทั้งหลายให้เรามุ่งความสนใจของเราไปที่ผู้คนเหล่านั้นซึ่งได้เป็นนักบุญในวิถีทางที่ธรรมดาๆและซ่อนเร้นและไม่เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักบุญอย่างเป็นทางการจากพระศาสนจักร…ให้เราหยุดไตร่ตรองสักชั่วครู่หนึ่งพลางรำลึกถึงบุคคลที่เรารู้จักอยู่ใกล้ตัวเราและเชื่อว่าเป็นบุคคลที่ใช้ชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์จริงๆ…ขอให้ท่านได้เป็นเพื่อนผู้ร่วมเดินทางชีวิตไปสู่สวรรค์และเป็นผู้เสนอวิงวอนเพื่อเราเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าในพระอาณาจักรของพระองค์ ข้อคิด… “มหาบุญลาภ” ที่พระเยซูเจ้าทรงนำเสนอในพระวรสารวันนี้นั้นเป็นคุณภาพชีวิตที่พระองค์ทรงต้องการแลเห็นในบรรดาศิษย์ของพระองค์…และเป็นคุณภาพชีวิตที่ได้ถ่ายทอดออกมาเป็นแบบอย่างในชีวิตของนักบุญทั้งหลายที่เราทำการสมโภชในวันนี้อีกด้วย “มหาบุญลาภ” […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 30 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ22: 34-40…ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน…และท่านต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง พระวรสารของวันนี้เตือนเราให้คิดถึงพระบัญญัติเอกสองประการคือ“รักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์” และในพระบัญญัติเอกสองประการนี้ก็ซ่อนไว้ซึ่งคำสอนทั้งหมดของพระคัมภีร์…ข้อบกพร่องอันสำคัญของเราคริสตชนก็คือข้อบกพร่องในเรื่องของความรัก ข้อคิด…คริสตชนคาทอลิกหลายๆคนคงอยากจะตั้งคำถามว่า“เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องออกห่างจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเพื่อที่จะพบพระเจ้าหรืออย่างไร?”…หรือว่ามี“ผู้ที่ได้พบพระเจ้าแล้วยังสามารถกลับไปหาเพื่อนพี่น้องและเจริญชีวิตอยู่ร่วมกับพวกเขาอย่างมีความสุขมีความสนใจเอาใจใส่พวกเขาและทำงานพร้อมๆกับพวกเขาและเพื่อพวกเขาหรือเปล่า?” …หรือพูดง่ายๆก็คือว่า“ความรักต่อพระเจ้าและความรักต่อเพื่อนพี่น้องสามารถไปด้วยกันได้หรือไม่?”หรือว่าถ้า“มีความรักต่อพระเจ้าแล้วก็จะรักเพื่อนพี่น้องไม่ได้?” เรามนุษย์ทุกคนต่างก็ชอบการได้สิ่งต่างๆตามที่ต้องการและชอบความสดวกสบายด้วยกันทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการที่ได้เป็นเจ้าของทรัพย์สมบัติหรือความเป็นเจ้าของคนที่เรารักหรือความเป็นเจ้าของสถานที่ที่เราชอบฯลฯส่วนโลกที่เราไม่คุ้นเคยนั้นก็อาจจะกลายเป็นโลกของคนแปลกหน้าและสิ่งแปลกปลอม…โลกของคนที่เราไม่รู้จักนั้นอาจจะขึ้นอยู่กับความชอบหรือความไม่ชอบและความมีอคติของเราด้วยหรือพูดง่ายๆก็คือว่าคนแปลกหน้าที่ว่านี้“พวกเขาก็จะไม่ใช่เป็นคนหนึ่งแต่ในพวกของเรา” ในบทอ่านที่หนึ่งจากหนังสืออพยพเราได้ยินว่าชนชาวอิสราแอลได้รับการคาดหวังว่าพวกเขาจะปฏิบัติตนต่อคนแปลกหน้าอย่างไร…“ท่านจะต้องไม่ข่มเหงหรือรังแกคนต่างชาติเพราะท่านทั้งหลายก็เป็นคนต่างชาติในแผ่นดินอียิปต์” […]