ข้อคิด วันสมโภชพระนางมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ […]
ข้อคิด วันสมโภชพระนางมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา ปี B ยน6: 41-51…เราเป็นปังทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป…ผู้ที่กินปังนี้แล้วจะไม่ตาย…และปังที่เราจะให้นี้คือเนื้อของเราเพื่อให้โลกมีชีวิต… เราเป็นประชากรของพระเจ้าซึ่งกำลังเดินทางแห่งชีวิตในความเชื่อมุ่งไปสู่แผ่นดินพระสัญญาแห่งชีวิตนิรันดรระหว่างหนทางแห่งชีวตนี้เราจะต้องเผชิญกับความสงสัยและความทุกข์ยากลำบากต่างๆ…องค์พระเยซูเจ้าซึ่งเรามาชุมนุมกันในพระนามของพระองค์มิใช่เป็นเพียงแต่เป้าหมายของการเดินทางแห่งชีวิตของเราเท่านั้นแต่พระองค์ยังเป็นเพื่อนร่วมเดินทางแห่งชีวิตของเราด้วย… ข้อคิด…ท่านประกาศกเอลียาห์ซึ่งเป็นประกาศกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพระธรรมเก่าและเป็นแชมเปี้ยนในการประกาศยืนยันถึงพระยาเวห์ว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว…แม้จะมีการกล่าวขานกันว่าท่านจะกลับมาก่อนในยุคของพระเมสสิยาห์ […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่15 เทศกาลธรรมดาปีB มก6: 7-13…พระเยซูเจ้าทรงเรียกอัครสาวกสิบสองคนเข้ามาพบและทรงเริ่มส่งเขาเป็นคู่ๆประทานอำนาจเหนือปีศาจทรงกำชับเขามิให้นำสิ่งใดไปด้วย… ในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณเรามาหาองค์พระเยซูเจ้าตามคำเชื้อเชิญของพระองค์และเวลาที่พิธีบูชาขอบพระคุณจบลงเราก็จะถูกส่งออกไปเพื่อจะแบ่งปันองค์พระเยซูเจ้าข่าวดีและพระพรต่างๆของพระองค์ที่เราได้รับจากพระองค์ให้กับเพื่อนพี่น้องของเรา…ในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณเป็นองค์พระเยซูเจ้าที่ได้ทรงอภัยบาปของเราประทานพระวาจาของพระองค์ให้กับเราและทรงเลี้ยงดูเราด้วยพระกายของพระองค์… ข้อคิด…ในบทอ่านที่หนึ่ง(อมส7: 12-15)…พระเจ้าได้ทรงส่งประกาศกอาโมสให้ออกไปหาเพื่อนพี่น้องชาวอิสราเอลเพื่อเป็นกระบอกเสียงของพระเจ้าและในพระวรสาร(มก6: 7-13)…เราก็จะแลเห็นพระเยซูเจ้าทรงส่งอัครสาวกสิบสองคนให้ออกไปประกาศข่าวดีของพระองค์ ประกาศกอาโมสเป็นประกาศกที่พระเจ้าทรงเรียกท่านเป็นคนเลี้ยงสัตว์และเป็นคนแต่งต้นมะเดื่อเทศมาก่อนท่านไม่ได้เป็นประกาศกอย่างมืออาชีพสำหรับคนที่พระเยซูเจ้าได้ทรงเลือกให้มาอยู่และทำงานร่วมกับพระองค์ส่วนใหญ่แล้วก็น่าจะเป็นคนที่คล้ายๆกับท่านประกาศกอาโมสคือจากหลากหลายอาชีพ…พระเยซูเจ้าได้ให้การอบรมสั่งสอนแก่บรรดาอัครสาวกตลอดระยะเวลาที่พวกเขาอยู่กับพระองค์หลังจากนั้นก็จะถึงเวลาที่พระองค์จะต้องส่งพวกเขาให้ออกไปทำงานของพระองค์เป็นการขยับขยายและสืบสานพันธกิจของพระองค์ที่ได้รับจากพระบิดาเจ้าและเพื่อให้พวกเขาได้ทำงานอย่างมีผลสำเร็จพระองค์ได้ทรงประทานฤทธิ์อำนาจของพระองค์ให้กับพวกเขาด้วย ภารกิจที่พวกอัครสาวกได้รับจากพระเยซูเจ้าในครั้งนี้นั้นก็ยังคงถูกจำกัดอยู่ในแวดวงและสภาพแวดล้อมของชนชาวยิวและใช้เวลาไม่นานนักส่วนพระบัญชาสุดท้ายที่พระองค์จะประทานให้กับพวกเขาที่จะส่งพวกเขาไปจนสุดแดนแผ่นดินยังเป็นเรื่องของอนาคตอยู่ […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 18 เทศกาลธรรมดาปีB ยน6: 24-35…อย่าขวนขวายหาอาหารที่กินแล้วเสื่อมสลายไปแต่จงหาอาหารที่คงอยู่และนำชีวิตนิรันดรมาให้…เราเป็นปังแห่งชีวิตผู้ที่มาหาเราจะไม่หิวและผู้ที่เชื่อในเราจะไม่กระหายอีกเลย… เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเราได้เห็นพระเยซูเจ้าเลี้ยงประชาชนในถิ่นทุรกันดารอย่างไรแต่ว่าเมื่อพวกเขาได้กลับมาหาพระองค์อีกเพื่อที่จะได้รับอะไรมากขึ้นพระองค์จึงได้ตรัสกับพวกเขาว่า“อย่าขวนขวายหาอาหารที่กินแล้วเสื่อมสลายไปแต่จงหาอาหารที่คงอยู่และนำชีวิตนิรันดรมาให้”…ในขณะนี้เรามาอยู่ด้วยกันรอบๆพระแท่นบูชาของพระองค์เพราะเรารู้ว่าเรามีความต้องการอาหารอีกชนิดหนึ่งที่พระองค์ได้ทรงกล่าวถึงนั้นอาหารซึ่งพระเจ้าเท่านั้นสามารถประทานให้แก่เราได้และสามารถให้ชีวิตนิรันดร ข้อคิด…ผ่านทางสุนทรพจน์เรื่อง“ปังแห่งชีวิต” ของพระเยซูเจ้านักบุญยอห์นสามารถให้ประเด็นทางเทวศาสตร์ที่สำคัญๆบางประเด็นซึ่งเผยแสดงให้เห็นว่าผู้ที่เชื่อในพระองค์ควรจะต้องเป็นและมีท่าทีเช่นไร…อาหารหรือปังที่พระองค์ทรงพูดถึงนั้นก็จะเหมือนกับน้ำที่พระองค์ทรงนำเสนอให้กับหญิงชาวซามาริตันที่ขอบบ่อยากอบอันสามารถบันดาลชีวิตนิรันดรให้ได้สำหรับผู้ที่ทานอาหารและดื่มน้ำนั้น บทอ่านที่หนึ่งจากหนังสืออพยพ(16: 2-4. […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 17 เทศกาลธรรมดาปี B ยน6: 1-15…ประชาชนจำนวนมากตามพระเยซูเจ้าไปเพราะเห็นเครื่องหมายอัศจรรย์ที่ทรงกระทำแก่ผู้เจ็บป่วย…พระองค์ทรงแจกจ่ายขนมปังและปลาแก่ผู้คนที่มาฟังพระวาจาของพระองค์เท่าที่พวกเขาต้องการ… พระเยซูคริสตเจ้าได้ทรงเลี้ยงอาหารแก่ผู้หิวโหยด้วยความใจกว้างอย่างยิ่ง…และณพระแท่นบูชานี้พระองค์ทรงเลี้ยงอาหารพวกเราด้วยปังแห่งศีลมหาสนิทซึ่งเป็นพระกายของพระองค์เรารับอาหารอันประเสริฐนี้มิใช่เพราะว่าเราสมควรที่จะรับประทานอาหารนี้แต่เป็นเพราะเรามีความต้องการอาหารนี้และพระองค์ก็ทรงเชื้อเชิญเราให้เข้ามารับอาหารนี้ที่พระแท่นบูชาของพระองค์… […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา ปี B มก6: 30-34…ท่านทั้งหลายจงมาพักผ่อนกับเราตามลำพังในที่สงัดระยะหนึ่งเถิด…เมื่อเสด็จขึ้นจากเรือทรงแลเห็นประชาชนมากมายก็ทรงสงสารเพราะเขาเหล่านั้นเป็นดังฝูงแกะไม่มีคนเลี้ยง… ในทุกๆหน้าของพระวรสารเป็นการแสดงให้เห็นว่าพระเยซูเจ้าทรงใส่ใจประชาชนและพระองค์ก็ทรงใส่ใจพวกเราด้วยเช่นกันพระองค์ทรงบันดาลให้เราเป็นประชากรเดียวคือประชากรของพระเจ้าเป็นสมาคมแห่งศิษย์ของพระองค์ดังนั้นให้เราเข้ามาหาพระองค์ด้วยจิตวิญญาณแห่งความเชื่อมั่นและความรัก… ข้อคิด…ในบทอ่านที่หนึ่ง(ยรม23: 1-6) ท่านประกาศกเยเรมีย์ได้กล่าวโทษบรรดาผู้นำทางศาสนาของชนชาวยิวในสมัยนั้นว่าได้ละเว้นการทำหน้าที่ของตนที่มีต่อประชากรของพระเจ้าพวกเขาต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายและหายนะที่ได้เกิดขึ้นกับประชาชนแต่พระเจ้าจะไม่ทรงปล่อยให้ประชากรของพระองค์ต้องจมอยู่ในความตระหนกตกใจกลัวตลอดไปพระเจ้าเองจะทรงสวมบทบาทแห่งความเป็นผู้นำและจะมอบหมายฝูงแกะของพระองค์ให้กับผู้เลี้ยงแกะที่ดีและซื่อสัตย์คอยเลี้ยงดูต่อไป เรื่องราวดังกล่าวข้างต้นจะได้รับการสานต่อเป็นอย่างดีจากพระวรสารคำมั่นสัญญาของท่านประกาศกเยเรมีย์ได้รับการกระทำให้สำเร็จลงในองค์พระเยซูเจ้าและเราได้แลเห็นพระเยซูเจ้า”พระผู้เลี้ยงแกะที่ดี”กำลังปฏิบัติการอยู่คือ ประการแรก…เราได้แลเห็นความใส่ใจของพระองค์ที่มีต่ออัครสาวกทั้งสิบสองซึ่งเพิ่งกลับมาจากงานช่วยพระเยซูเจ้าประกาศข่าวดีและต้องการที่จะหยุดพักให้หายเหนื่อย […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 14 เทศกาลธรรมดา ปี B มก6: 1-6…ประกาศกย่อมไม่ถูกเหยียดหยามนอกจากในถิ่นกำเนิดท่ามกลางวงศ์ญาติและในบ้านของตน…พระเยซูเจ้าทรงแปลกพระทัยที่เขาเหล่านั้นไม่มีความเชื่อ… เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จกลับไปเมืองนาซาเร็ธถิ่นที่อยู่ที่พระองค์ทรงเจริญวัยกลับกลายเป็นโอกาสที่เลวร้ายสำหรับพระองค์เพราะว่าชาวเมืองนาซาเร็ธไม่ต้อนรับพระองค์อันจะทำใหพวกเขากลับกลายเป็นผู้สูญเสียเพราะพระเยซูเจ้าไม่สามารถทำอะไรให้กับพวกเขาได้เลย…ในขณะนี้ในพิธีบูชาขอบพระคุณนี้พระเยซูเจ้ากำลังเสด็จมาหาพวกเราเราได้รับโอกาสที่จะฟังพระวาจาของพระองค์ด้วยความเชื่อและที่จะรับพระพรและความช่วยเหลือต่างๆจากพระองค์และที่สำคัญที่จะรับพระองค์ในศีลมหาสนิทด้วยความรัก ข้อคิด…จากบทอ่านที่หนึ่ง(อสค2: 2-5)…ประกาศกในพระคัมภีร์เป็นบุคคลที่ได้รับการเรียกจากพระเจ้าให้พูดพระวาจาของพระเจ้าให้กับประชาชนของพระองค์แม้ว่าบางครั้งพระวาจาของพระเจ้าจะเป็นถ้อยคำที่รุนแรงและฟังยากแต่ก็เป็นพระวาจาแห่งความรักเพราะให้ความหมายว่าพระเจ้ามิได้ทรงทอดทิ้งประชากรของพระองค์แต่ว่าในเวลาเดียวกันประกาศกของพระเจ้าก็จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่จะรับความเป็นปฏิปักษ์และการถูกปฏิเสธต่างๆ…นี่เป็นกรณีที่ได้เกิดขึ้นกับบรรดาประกาศกในพระธรรมเก่าและได้เกิดขึ้นกับองค์พระเยซูเจ้าเองด้วย ขณะที่ศาสนบริการของพระเยซูเจ้าในแคว้นกาลิลีกำลังใกล้จะสิ้นสุดลงพระองค์ก็ได้ถูกคนชาวนาซาเร็ธของพระองค์ปฏิเสธไม่ยอมรับเป็นการไม่ยอมรับความยิ่งใหญ่ของบุคคลหนึ่งซึ่งเป็นคนหนึ่งท่ามกลางพวกเขาและผลที่ตามมาก็คือความศักดิ์สิทธิ์และฤทธิ์อำนาจของพระองค์ก็มิได้ถูกใช้เพื่อประโยชน์ของพวกเขาแต่อย่างใดการปฏิเสธพระเยซูเจ้าของคนชาวนาซาเร็ธถิ่นของพระองค์ในครั้งนี้เป็นการชิมลางก่อนที่พระองค์จะทรงถูกปฏิเสธจากชนชาวยิวทั้งชาติในโอกาสต่อไป บรรดาคริสตชนในวันนี้จะต้องไม่ท้อแท้เพราะแลเห็นการขาดความเชื่อในหมู่พวกเรากันเองประสบการณ์แห่งความอ่อนแอของนักบุญเปาโล(=หนามที่ทิ่มแทงเนื้อหนังของท่าน)ได้สอนให้ท่านมีความสุภาพและในเวลาเดียวกันก็ได้ทำให้ท่านมีประสบการณ์แห่งฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าซึ่งไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้พระวาจาที่ว่า“พระหรรษทานของเราเพียงพอสำหรับท่าน” ก็เป็นพระวาจาสำหรับพวกเราเช่นกันและควรจะต้องเป็นความบันเทาใจอันยิ่งใหญ่สำหรับพวกเราด้วยเมื่อจะต้องเผชิญกับปัญหาและความยุ่งยากต่างๆในชีวิตของเรา […]
ข้อคิดสมโภชนักบุญเปโตรและเปาโลอัครสาวก มธ16: 13-19…ท่าน(นักบุญเปโตร)คือศิลาและบนศิลานี้เราจะตั้งพระศาสนจักรของเราประตูนรกไม่มีวันชนะพระศาสนจักรได้เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้ทุกสิ่งที่ท่านจะผูกบนแผ่นดินนี้จะผูกไว้ในสวรรค์ด้วยทุกสิ่งที่ท่านจะแก้บนแผ่นดินนี้ก็จะแก้ในสวรรค์ด้วย… …สำหรับข้าพเจ้า(นักบุญเปาโล)นั้นชีวิตของข้าพเจ้ากำลังจะถูกถวายเป็นเครื่องบูชาอยู่แล้วถึงเวลาแล้วที่ข้าพเจ้าจะต้องจากไปข้าพเจ้าต่อสู้มาอย่างดีแล้วข้าพเจ้าวิ่งมาถึงเส้นชัยแล้วข้าพเจ้ารักษาความเชื่อไว้แล้วยังเหลืออยู่ก็เพียงมงกุฎแห่งความชอบธรรมซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างเที่ยงธรรมจะประทานให้ข้าพเจ้าในวันนั้น ข้อคิด…การสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลอัครสาวกในวันนี้เป็นการสมโภชที่เก่าแก่ที่สุดวันหนึ่งของพระศาสนจักรและที่จริงเป็นการสมโภชที่มีมาก่อนการสมโภชพระเยซูเจ้าทรงบังเกิดหรือวันคริสต์มาสเสียอีกตั้งแต่ศตวรรษที่สี่แล้วที่ในวันสมโภชนี้มีการถวายพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณสามมิสซาด้วยกันคือที่มหาวิหารนักบุญเปโตรในนครรัฐวาติกันมิสซาหนึ่งที่มหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพงเมืองอีกมิสซาหนึ่งและมิสซาที่สามที่คาตากอมบ์นักบุญเซบาสเตียนซึ่งเชื่อว่าศพของท่านนักบุญอัครธรรมทูตผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านนี้คงจะถูกซ่อนไว้ณที่นี้เป็นระยะเวลาหนึ่ง นักบุญเปโตรเป็นชาวประมงแห่งเบทไซดา(ลก5: 3; ยน1: 44) […]
ข้อคิดสมโภชนักบุญยอห์นแบปติสต์บังเกิด 24 มิถุนายน ลก1: 57-66…นางเอลิซาเบธให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง…เศคาริยาห์ขอกระดานแผ่นหนึ่งแล้วเขียนว่า“เขาชื่อยอห์น”…เด็กนั้นเจริญเติบโตขึ้นจิตใจของเขาเข้มแข็งขึ้นด้วย…เขาอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารจนถึงวันที่เขาแสดงตนแก่ประชากรอิสราเอล… ข้าแต่พระเจ้าของท่านนักบุญยอห์นแบปติสต์ซึ่งข้าพเจ้าทั้งหลายทำการสมโภชการบังเกิดของท่านในวันนี้พระองค์ได้ทรงเลือกท่านนักบุญให้เตรียมหนทางสำหรับการเสด็จมาขององค์พระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสตเจ้าและณวันบังเกิดของท่านยอห์นชาวบ้านต่างส่งเสียงร้องว่าพระองค์ได้ทรงเสด็จมาเยี่ยมและนำการช่วยให้รอดพ้นมาให้กับประชากรของพระองค์ขอพระองค์ทรงหลั่งพระพรอันอุดมมายังข้าพเจ้าทั้งหลายซึ่งมาชุมนุมกันในบ้านของพระองค์และขอทรงโปรดให้พระจิตของพระองค์ช่วยนำข้าพเจ้าทั้งหลายไปตามทางแห่งการช่วยให้รอดพ้น […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่11 เทศกาลธรรมดาปีB มก4: 26-34…พระอาณาจักรพระเจ้าเปรียบเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดซึ่งเมื่อหว่านลงในดินก็เป็นเมล็ดเล็กกว่าเมล็ดทั้งปวงทั่วแผ่นดินแต่ครั้นได้หว่านแล้วก็งอกขึ้นและกลายเป็นต้นไม้ใหญ่กว่าพืชผักทุกชนิด…บรรดานกในอากาศมาพักอาศัยร่มเงาได้ ชีวิตของเรามนุษย์เรียกร้องความอดทนและความคาดหวังอย่างมากเลยทีเดียวเราไม่สามารถปลูกเมล็ดพันธุ์พืชในวันนี้แล้วนั่งคอยใต้ร่มเงาไม้เพื่อให้มันเติบใหญ่ในวันรุ่งขึ้นเช่นเดียวกันก็เป็นจริงสำหรับในเรื่องของจิตวิญญาณด้วยเราต้องใช้ความพยายามและรอด้วยความอดทนและความหวังว่าพระหรรษทานของพระเจ้าจะเข้ามาช่วยจัดการให้เจริญงอกงามขึ้นทุกๆวัน ข้อคิด…ในพระวรสารของนักบุญมาระโกบทที่4: 1-34…ได้มีการรวบรวมนิทานเปรียบเทียบต่างๆซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็มักจะพูดถึงการเจริญเติบโตของเมล็ดพันธุ์อันหมายถึงพระวาจาของพระเจ้า ในบทอ่านที่หนึ่งประกาศกเอเสเคียลได้ทำนายไว้ว่าพระเจ้าจะทรงนำเอาแขนงของยอดต้นสนสีดาร์และมาปลูกไว้บนภูเขาสูงของอิสราเอล(นครศิโยน)และภายใต้การดูแลของพระเจ้าแขนงนั้นก็จะเติบโตเป็นต้นสนสีดาร์ทีสง่างามท่านประกาศกเอเสเคียลได้มีความฝันไว้เช่นนั้นว่าพระเจ้าจะทรงปลูกถ่ายประชากรที่ถูกเนรเทศของอิสราเอลให้กลับไปสู่แผ่นดินของบรรพบุรุษของพวกเขาท่านประกาศกได้เล็งเห็นบุตรชายในอนาคตคนหนึ่งของกษัตริย์ดาวิดซึ่งพระอาณาจักรของพระองค์จะเป็นอาณาจักรสากล…พระสัญญาดังกล่าวนี้ได้สำเร็จเป็นไปในองค์พระเยซูเจ้าซึ่งจะเป็นผู้เดินนำหน้าประชากรของพระเจ้าเข้าสู่พระอาณาจักรพระเจ้า อุปมาเรื่องเมล็ดพืชซึ่งงอกขึ้นด้วยตัวของมันเองและเรื่องเมล็ดมัสตาร์ดก็อยากจะสื่อความหมายให้กำลังใจแก่พระศาสนจักรของพระเยซูเจ้าในช่วงเริ่มแรกซึ่งเป็นห่วงกังวลถึงการเจริญเติบโตที่เชื่องช้าของพระศาสนจักรเรื่องอุปมานี้กำลังจะบอกให้บรรดาศิษย์รู้จักอดทนให้มีความหวังและไว้วางใจโดยไม่ต้องคาดหวังผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นในทันทีทันใด…เดชะพระฤทธานุภาพของพระเจ้าจากการเริ่มต้นที่เล็กๆและแบบที่แทบจะไร้ความหมายพระอาณาจักร/พระศาสนจักรก็จะพัฒนาเติบโตเป็นอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ไพศาลได้ในอนาคต ในอุปมาเรื่องเมล็ดพันธุ์ที่งอกขึ้นของมันเองของพระเยซูเจ้าสิ่งที่ควรจะต้องได้รับการเน้นย้ำก็คือความแน่นอนของการเก็บเกี่ยวหลังจากที่ผู้หว่านได้ทำงานของเขาเสร็จไปแล้วเรื่องอุปมานี้ต้องการให้กำลังใจกับบรรดาศิษย์รุ่นแรกๆซึ่งรู้สึกว่าใกล้จะหมดกำลังใจเพราะเห็นแต่สิ่งเล็กๆน้อยๆเท่านั้นที่กำลังเกิดขึ้น […]