ข้อคิดอาทิตย์ที่ 7 เทศกาลธรรมดาปี C ลก6: 27-38…จงรักศัตรูจงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่านจงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่านจงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน… พระเยซูเจ้ายังทรงอยากบอกกับเราต่อไปอีกว่าให้เราเป็นผู้เมตตากรุณา…อย่าตัดสินคนอื่น…อย่ากล่าวโทษเขา…อยากให้คนอื่นทำต่อเราอย่างไรก็จงทำอย่างนั้นต่อเขาเถิด…ดังนั้นให้เราลองไตร่ตรองดูซิว่าเราได้ปฏิบัติต่อผู้อื่นแบบเดียวกับที่พระเยซูเจ้าทรงสอนหรือเปล่า? -ข้อคิด…พระเยซูเจ้าบอกพวกเราว่า“จงรักศัตรูของท่าน…จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน”…พระองค์ทรงท้าทายพวกเราคริสตชนให้ตอบโต้สิ่งไม่ดีด้วยสิ่งดีๆให้ตอบโต้สิ่งเลวร้ายในตัวคนอื่นด้วยสิ่งที่ดีที่สุดจากตัวของเรา…ประเด็นที่สำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์เราในทุกวันนี้คือเราจะต่อต้านความชั่วร้ายโดยไม่ซ้ำเติมความชั่วร้ายให้มากเข้าไปอีกได้อย่างไร เราคริสตชนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเราได้ทำหน้าที่ของคริสตชนที่ดีถ้าเราไม่ทำร้ายผู้ที่เป็นศัตรูกับเราแต่พระเยซูเจ้าทรงเรียกร้องจากเรามากกว่านั้นคือพระองค์ทรงร้องขอพวกเราให้รักศัตรูซึ่งตามความรู้สึกของเราแม้ว่าเป็นสิ่งยากและเกือบจะเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลยแต่ถ้าเรามีใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ก็จะทำได้โดยให้เราดูแบบอย่างของพระเยซูเจ้าที่พระองค์ทรงขอให้พระบิดาเจ้าให้อภัยแก่ผู้ที่มีส่วนร่วมในการให้เอาพระองค์ไปตรึงกางเขนหรือเหมือนเช่นกษัตริย์ดาวิดในบทอ่านแรกที่ห้ามแม่ทัพของท่านมิให้ทำร้ายกษัตริย์ซาอูล…อย่าฆ่าเขาเลย(กษัตริย์ซาอูล) เพราะใครเล่าที่ทำร้ายผู้รับเจิมของพระยาห์เวห์แล้วจะไม่ผิด? แม้กระทั่งในระดับของมนุษย์โดยทั่วๆไปคำสั่งสอนของพระเยซูเจ้าก็เป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมมีเหตุมีผลและควรจะได้นำเอาไปปฏิบัติเพราะผู้ที่จะสามารถหยุดความชั่วร้ายได้ก็คือคนที่รู้จักซึมซับความชั่วร้ายนั้นด้วยใจสุภาพถ่อมตนด้วยความอ่อนโยนและเมตตาสงสารและจะไม่ยอมให้มันเลยเถิดมากไปกว่านั้น การแก้แค้นและการผูกใจเจ็บมีแต่จะทำให้สติปัญญาและน้ำใจของเราบอดมืดทับทมเป็นเท่าทวีคูณมากขึ้นไปอีกการยอมรับเอาท่าทีที่จะต้องแก้แค้นให้ได้เหมือนกับทำให้เราโดนยาพิษแห่งความเกลียดชังซึมลึกเข้าไปในเนื้อหนังในกระดูกของเรามากขึ้นไปอีก […]