ข้อคิดอาทิตย์ที่ 4 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี B ลก 1: 26-38…ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง…ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด… ในขณะที่การบังเกิดของกุมารน้อยคนหนึ่งกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 4 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี B ลก 1: 26-38…ท่านจะตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง…ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด… ในขณะที่การบังเกิดของกุมารน้อยคนหนึ่งกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่3 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี B ยน 1: 6-8. 19-28…อาทิตย์ที่สาม เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 2 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี B […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 1 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี B มก 13: 33-37; 1คร 1: […]
ข้อคิดสมโภชพระเยซูเจ้า กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล วันอาทิตย์ที่34เทศกาลธรรมดา ปี A มธ 25: 31-46…บุตรแห่งมนุษย์จะประทับเหนือพระบัลลังค์อันรุ่งโรจน์…พระองค์จะทรงแยกบรรดาประชาชาติออกเป็นสองพวก…และจะตรัสกับผู้ที่อยู่เบื้องขวาว่า “เชิญมาเถิดท่านทั้งหลายที่ได้รับพระพรจากพระบิดาของเรา”… ในวันนี้ […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 33 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ 25: 14-30…ดีมาก ผู้รับใช้ที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในสิ่งเล็กน้อย […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 2 เทศกาลธรรมดาปี A ยน1: 29-34…นี่คือลูกแกะของพระเจ้าผู้ทรงลบล้างบาปของโลก… พระเยซูเจ้าทรงเป็นลูกแกะของพระเจ้าพระผู้ทรงลบล้างบาปของโลก…ให้เราเริ่มทำการเฉลิมฉลองพิธีบูชาขอบพระคุณนี้ด้วยการนำเอาบาปต่างๆของเรามาวางไว้เฉพาะพระพ้กตร์ของพระองค์พลางทูลขออภัยและการรักษาให้หายจากพระองค์ ข้อคิด…พระเยซูเจ้าทรงเป็น “ลูกแกะปัสกา” เพราะโดยอาศัยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ พระองค์ได้ทรงช่วยโลกให้พ้นจากบาป เหมือนกับการเฉลิมฉลองปัสกาแต่กาลก่อนของประชากรผู้เลือกสรรที่เลือดของลูกแกะปัสกา […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 3เทศกาลธรรมดาปีA มธ4: 12-23…พระเยซูเจ้าเสด็จไปยังเมืองคาเปอร์นาอุม…เพื่อให้พระดำรัสที่ตรัสไว้ทางประกาศกอิสยาห์เป็นความจริง… “ประชาชนที่จมอยู่ในความมืดได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนและในเงาแห่งความตายแสงได้ส่องขึ้นมาเหนือพวกเขาแล้ว” “ประชาชนที่จมอยู่ในความมืด ได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่”…นี่เป็นคำยืนยันของนักบุญมัทธิวที่บ่งบอกถึงผลกระทบจากพันธกิจขององค์พระเยซูเจ้าที่มีต่อประชากรทั้งหลาย…และแสงสว่างนั้นกำลังฉายแสงมายังพวกเราในขณะนี้ขณะที่เรากำลังชุมนุมกันอยู่ณรอบพระแท่นบูชาในพระนามของพระองค์ ข้อคิด…นักบุญมัทธิวได้เปรียบเทียบการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าว่าเป็นเหมือนกับแสงสว่างอันยิ่งใหญ่ที่ส่องสว่างประชาชนซึ่งเจริญชีวิตอยู่ในความมืดแห่งชีวิตท่านนักบุญมองเห็นว่าพระเยซูเจ้าเป็นผู้ที่บันดาลให้คำพยากรณ์ของท่านประกาศกอิสยาห์ได้สำเร็จเป็นไป “ประชาชนที่จมอยู่ในความมืดได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนและในเงาแห่งความตายแสงสว่างได้ส่องขึ้นมาเหนือพวกเขาแล้ว” […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 4เทศกาลธรรมดาปี A มธ5: 1-12…ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุขเมื่อถูกดูหมิ่นข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆนานาเพราะเราจงชื่นชมยินดีเถิดเพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก… ในเรื่องของมหาบุญลาภเราได้แลเห็นค่านิยมที่คริสตชนควรจะนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตของแต่ละคน…ขณะที่มหาบุญลาภเหล่านี้เป็นการท้าทายเราอย่างมากแต่ว่าในขณะเดียวกันก็เสนอรางวัลที่ยิ่งใหญ่ให้กับเราตั้งแต่อยู่ในโลกนี้และโดยเฉพาะอย่างสำหรับโลกหน้า ข้อคิด…จากบทอ่านทั้งสามบทที่เราเพิ่งได้ยินจบลงไปแล้วนั้นมิใช่ความอดอยากและภัยพิบัติต่างๆเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะให้เกิดขึ้นกับมนุษยชาติและไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะทำให้ชีวิตของเรามนุษย์เป็นสุขและสิ่งต่างๆเหล่านี้มิใช่ว่าเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาสำหรับเรามนุษยอีกด้วย…สิ่งที่ได้รับพระพรจากพระเจ้าก็คือความไว้วางใจในพระองค์และคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการพระเจ้าและเจริญชีวิตตามน้ำพระทัยพระองค์คนนั้นแหละที่เป็นสุขและเป็นคนที่โชคดี…พระเจ้าจะประทานทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขาตามที่เขาต้องการเพราะพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถเติมเต็มช่องว่างต่างๆในตัวเรามนุษย์และสามารถดับความกระหายแห่งหัวใจของเรา…คนที่วางใจในมนุษย์ด้วยกันในที่สุดก็จะผิดหวังส่วนคนที่วางใจในพระเจ้าก็จะไม่ผิดหวังเพราะพระเจ้าจะกลายเป็นพระผู้อุปถัมภ์ของผู้ยากไร้ผู้อ่อนแอผู้ด้อยโอกาสและผู้ต่ำต้อยเพียงแต่ขอให้เขาประพฤติความชอบธรรมและมีความสุภาพถ่อมตน มหาบุญลาภที่พระเยซูเจ้าเทศน์สอนให้กับพวกเราทุกๆคนนั้นเป็นหัวใจของพระวรสารเลยทีเดียวแต่ถึงกระนั้นก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มองเห็นว่ามหาบุญลาภเหล่านั้นเป็นอะไรที่จะนำไปปฏิบัติไม่ได้หรือจะปฏิบัติได้ก็ยากมากๆทั้งเป็นการเรียกร้องมากเกินไปสำหรับคนโดยทั่วๆไป แต่ให้เราใช้เวลาสักเล็กน้อยไตร่ตรองดูว่ามหาบุญลาภที่พระเยซูเจ้าเทศน์สอนนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปได้หรือไม่และดีมากน้อยแค่ไหนถ้าหากว่าเราสามารถนำมาปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวันของเราแต่ละคน “ผู้มีใจยากจนย่อมเป็นสุขเพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา”แต่เราคงอยากจะบอกว่าคนที่ร่ำรวยก็เป็นสุขเพราะเขาสามารถมีทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เขาต้องการ แต่ว่าจริงๆแล้วคนที่ร่ำรวยก็ไม่เคยรู้สึกว่าพอดังนั้นเขาจะเป็นสุขได้อย่างไรกัน? […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 5เทศกาลธรรมดาปี A มธ5: 13-16…ท่านทั้งหลายเป็นเกลือดองแผ่นดินและเป็นแสงสว่างส่องโลก…เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นกิจการดีของท่านและสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ เนื่องจากว่าเราเป็นศิษย์ของพระคริสต์เราจึงได้รับการเชื้อเชิญให้เป็น“เกลือดองแผ่นดิน” และเป็น“แสงสว่างส่องโลก”…นี่เป็นงานมหัศจรรย์ที่พระองค์ทรงมอบให้กับศิษย์ของพระองค์แต่ก็เป็นงานที่ยากมากๆและเพื่อที่จะทำงานชิ้นนี้ให้สำเร็จเราต้องการพละกำลังจากพระองค์ดังนั้นทุกๆวันให้เราได้ทูลขอจากพระองค์ซึ่งพละกำลังและความช่วยเหลือต่างๆที่เราต้องการเพื่อจะสามารถบรรลุถึงเป้าหมายอย่างที่พระองค์ได้ทรงหวังจากศิษย์ของพระองค์ ข้อคิด…นักบุญมัทธิวได้นำเสนอว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นแสงสว่างที่ส่องลงมายังโลกที่มืดมนในพระวรสารของวันอาทิตย์ที่สามเทศกาลธรรมดา…มาในวันอาทิตย์นี้พระภารกิจในการส่องสว่างและในการนำมนุษยชาติที่กำลังสับสนวุ่นวายในด้านศีลธรรมก็ได้รับการแบ่งปันให้กับบรรดาศิษย์ของพระองค์ ในโลกสมัยโบราณเกลือเป็นสิ่งจำเป็นที่มีความสำคัญมากที่สุดสิ่งหนึ่งสำหรับชีวิตของเรามนุษย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเก็บรักษาและทำให้อาหารมีรสชาติเช่นเดียวกันสำหรับความจำเป็นและความสำคัญในชีวิตประจำวันในเรื่องของแสงสว่างก็เป็นสิ่งที่ประจักษ์แจ้งสำหรับพวกเราทุกๆคนดังนั้นภาพของเกลือและแสงสว่างที่พระเยซูเจ้าได้ทรงยกตัวอย่างก็ถูกนำเอาไปเปรียบเทียบกับการทำดีที่ศิษย์ของพระองค์ควรจะต้องมีบทบาทอย่างสำคัญต่อโลกในชีวิตประจำวันของพวกเขาดังนั้นเมื่อบรรดาศิษย์ของพระองค์จะไม่ยอมเป็นประจักษ์พยานให้กับพระองค์พวกเขาก็จะกลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ไร้คุณค่าเหมือนกับเกลือที่สูญเสียความความเค็มของมันหรือเหมือนกับตะเกียงที่ไม่ยอมส่องสว่าง คนที่ได้รับการประกาศว่าเป็นผู้มีบุญหรือเป็นผู้มีความสุขนั้นมิใช่มีบุญหรือมีความสุขเฉพาะสำหรับตัวเองแต่ว่าความมีบุญและความสุขนี้เขาจะต้องแบ่งปันใหักับคนอื่นๆด้วยเพราะการที่พระเยซูเจ้าบอกให้เราเป็นเกลือดองแผ่นดินและเป็นแสงสว่างส่องโลกนั้นก่อนอื่นหมดพระองค์ต้องการจะบอกกับผู้ที่เชื่อในพระองค์และกับบรรดาศิษย์ของพระองค์เป็นอันดับแรกโดยให้พวกเขาเป็นผู้ยากจนผู้อ่อนโยนผู้ที่หิวกระหายความยุติธรรมผู้มีใจบริสุทธิ์ฯลฯซึ่งโดยอาศัยมหาบุญลาภที่พระองค์เทศน์สอนและบอกให้พวกเขาปฏิบัตินั้นพวกเขาก็จะสามารถเป็นเกลือดองความดีให้กับคนอื่นและสามารถเป็นแสงสว่างคอยส่องหนทางเดินแห่งชีวิตให้กับเพื่อนพี่น้องซึ่งกำลังเดินหน้ามุ่งไปสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า […]