ข้อคิดวันอาทิตย์ที่28เทศกาลธรรมดา ปี A มธ 22: 1-14…กษัตริย์ให้คนใช้ไปบอกกับผู้รับเชิญว่าบัดนี้เราได้เตรียมการเลี้ยงไว้พร้อมแล้ว… พบผู้ใดก็ตาม จงเชิญมาในงานวิวาห์เถิด… ขณะนี้ […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่28เทศกาลธรรมดา ปี A มธ 22: 1-14…กษัตริย์ให้คนใช้ไปบอกกับผู้รับเชิญว่าบัดนี้เราได้เตรียมการเลี้ยงไว้พร้อมแล้ว… พบผู้ใดก็ตาม จงเชิญมาในงานวิวาห์เถิด… ขณะนี้ […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ 21: 33-43…ในที่สุด เจ้าของสวนได้ส่งบุตรชายของตนไปพบคนเช่าสวน…หินที่ช่างก่อสร้างทิ้งเสียนั้น ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม…พระอาณาจักรของพระเจ้าจะถูกยกจากท่านทั้งหลาย […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่26เทศกาลธรรมดาปีA มธ21: 28-32…คนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าก่อนท่าน…เพราะยอห์นได้มาพบท่านชี้หนทางแห่งความชอบธรรมท่านก็ไม่เชื่อยอห์นส่วนคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีเชื่อ เรามีเสรีภาพที่จะบอกว่า“เอา”หรือ“ไม่เอา”กับพระเจ้าแต่นี่ย่อมหมายความว่าเราจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเรา…หลายๆครั้งเรามักจะใช้เสรีภาพที่พระเจ้าได้ทรงประทานให้นั้นอย่างไม่ดีหรืออย่างผิดๆแต่ว่าพระเจ้ายังทรงพระทัยดีมีเมตตากรุณาต่อเราอยู่เสมอพระองค์ทรงเรียกเราให้เป็นทุกข์กลับใจกลับมาหาพระองค์ ข้อคิด… “อุปมาเรื่องบุตรสองคน” จากพระวรสารในวันนี้มุ่งเป้าไปที่พระสงฆ์ผู้ใหญ่ของชนชาวอิสราแอลจุดมุ่งหมายของอุปมาเรื่องนี้ก็เพื่อเป็นการปกป้องพระเยซูเจ้าจากการที่พระองค์ทรงเชื้อเชิญคนบาปและคนที่ถูกสังคมทอดทิ้งให้เข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าอันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในทางศาสนาในสายตาของพวกผู้นำทางศาสนาของชนชาวยิวแน่นอนอุปมาเรื่องนี้ได้ก่อให้เกิดความขุ่นเคืองให้กับพวกเขาเป็นอย่างมากเพราะเป็นการตำหนิพวกเขาโดยตรง บุตรคนแรกเป็นตัวแทนของบรรดาคนบาปซึ่งก็คงไม่แตกต่างอะไรกันมากนักเพราะทีแรกชอบทำอะไรตามใจตนเองแต่ว่าแล้วนั้นก็ได้เป็นทุกข์กลับใจและกลับมาหาพระเจ้าจนที่สุดก็ได้สวรรค์เป็นรางวัลแห่งชีวิต…ส่วนบุตรคนที่สองนั้นเป็นตัวแทนของบรรดาพระสงฆ์ผู้ใหญ่ของชนชาวยิวซึ่งก็คล้ายๆกับบุตรคนที่สองที่ได้สัญญาว่าจะทำงานเพื่อพระเจ้าแต่ที่สุดก็มิได้ทำดังที่ว่านั้นจึงในที่สุดก็ได้ทำให้ตัวเองไม่ได้เข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า เราจึงแลเห็นว่าการกลับใจเป็นเงื่อนไขที่สำคัญเพื่อจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าซึ่งบทอ่านแรกก็ได้กล่าวถึงอยู่แล้ว อุปมาเรื่องบุตรสองคนที่เล่าในพระวรสารของนักบุญมัทธิวในวันนี้นั้นได้แสดงให้เห็นถึงศาสนิกชนในสมัยของท่านและรวมทั้งในสมัยของเรานี้ด้วยที่พวกหนึ่งเอาแต่พูดและไม่ทำแต่ก็ยังมีอีกพวกหนึ่งที่ฟังแล้วและก็เอาไปทำ […]
ข้อคิดวันสมโภชพระคริสตเจ้าทรงแสดงองค์ ปี A มธ2: 1-12…พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้นจึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์… ในวันสมโภชพระคริสตเจ้าทรงแสดงองค์วันนี้เราจะได้ยินได้ฟังเรื่องของปราชญ์ซึ่งมาจากบูรพาทิศด้วยการนำของดวงดาวมหัศจรรย์เพื่อมานมัสการองค์พระคริสต์–พระกุมาร…เราทุกคนต่างก็กำลังเดินทางแห่งชีวิตอยู่ด้วยเหมือนกันแต่เป็นการเดินทางชีวิตที่กำลังมุ่งไปสู่เบธเลเฮมแห่งเมืองสวรรค์ซึ่งณที่นั้นพวกเราหวังจะได้พบกับองค์พระเจ้าอย่างหน้าต่อหน้าเรามิได้ถูกนำด้วงแสงสว่างแห่งดวงดาวแต่เราได้รับการนำด้วยแสงสว่างแห่งความเชื่อ…ให้เราอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าเพื่อให้พระองค์ได้ทรงทวีความเชื่อของเราให้มั่นคงเข้มแข็งยิ่งๆขึ้น… ข้อคิด…นักบุญมัทธิวได้นำเสนอให้เห็นถึงการเผยแสดงของพระเจ้าในหลายวิธีที่แตกต่างกันแต่ก็มีจุดประสงค์เดียวกันคือให้พระบุตรพระเจ้าที่มาบังเกิดเป็นมนุษย์เป็นที่รู้จักและได้รับการต้อนรับจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันและเพื่อให้มนุษยชาติได้มาเป็นครอบครัวเดียวกันโดยให้นมัสการและรับใช้พระเจ้าองค์เดียวกัน…องค์พระบุตรพระเจ้านี้ที่ชนชาวยิวซึ่งมีพระคัมภีร์ที่ได้ค่อยๆเผยแสดงการเสด็จมาของพระองค์กลับปฏิเสธไม่ยอมรับพระองค์ขณะที่ชนต่างศาสนาโดยการนำของดวงดาวมหัสจรรย์ได้มาค้นหาพระกุมารและเมื่อพบแล้วก็ได้นมัสการพระองค์ถวายของขวัญแด่พระองค์ ความปรารถนาอันแรงกล้าของพระเยซูเจ้าผู้สถาปนาพระศาสนจักรและของพระศาสนจักรเองในทุกยุคทุกสมัยก็คือต้องการให้มนุษยชาติมีเอกภาพสากลภาพและสันติภาพที่แท้จริงและได้เป็นครอบครัวเดียวกัน มนุษย์คนแรกในพระคัมภีร์ซึ่งได้เชื่อในสากลภาพคืออับราฮัมบิดาแห่งควาเชื่อของมนุษยชาติพระเจ้าได้ทรงสัญญากับท่านไว้ว่าในวันหนึ่งข้างหน้าบรรดาประชาชาติต่างๆจะมาร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพงศ์พันธุ์ของท่านและท่านเองก็ได้เชื่อเช่นนั้น ประชาชาติอิสราแอลได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รวบรวมประชากรทั้งหลายให้เป็นหนึ่งเดียวกันในพงศ์พันธุ์ของอับราฮัมและดังนี้พระสัญญาแห่งสากลภาพก็จะบรรลุถึงความสำเร็จ […]
ข้อคิดวันสมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเจ้า (วันที่ 1 มกราคม 2560) ลก 2: 16-21…พวกคนเลี้ยงแกะรีบไปยังเมืองเบธเลเฮมและพบพระนางมารีย์ โยเซฟและพระกุมารซึ่งบรรทมอยู่ในรางหญ้า… สำหรับปีใหม่ทุกๆปี […]
ข้อคิดวันสมโภชพระคริสตสมภพ ลก2: 1-14…วันนี้ในเมืองของกษัตริย์ดาวิดพระผู้ไถ่ประสูติเพื่อท่านแล้วพระองค์คือพระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า…พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้าในสวรรค์สูงสุด…และบนแผ่นดินสันติจงมีแก่มนุษย์ที่พระองค์โปรดปราน… “อย่ากลัวเลยเพราะเรานำข่าวดีมาบอกท่านทั้งหลาย…วันนี้ในเมืองของกษัตริย์ดาวิดพระผู้ไถ่ประสูติเพื่อท่านแล้ว”…ขณะที่เรากำลังชุมนุมกันอยู่หน้าถ้ำพระกุมารนี้เพื่อทำการสมโภชพระคริสตสมภพพระวจนาตถ์พระบุตรพระเจ้าพระผู้ไถ่ของเราทรงประทับอยู่ท่ามกลางเราไม่ใช่แบบทารกที่ช่วยตัวเองไม่ได้แต่เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าพระผู้ได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ…ดังนั้นให้เราสลัดความกลัวต่างๆทิ้งเสียและให้เปิดหัวใจของเรารับความชื่นชมยินดีและความสุขใจที่พระองค์ได้ทรงนำมาให้พร้อมกับการบังเกิดของพระองค์… ข้อคิด…เรื่องราวเกี่ยวกับการบังเกิดของพระเยซูเจ้าตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกาได้รับการนำเสนอในพระวรสารสำหรับพิธีบูชาขอบพระคุณในสองมิสซาแรกของวันสมโภชพระคริสตสมภพนี้…เรื่องราวการบังเกิดเป็นมนุษย์ขององค์พระวจนาตถ์สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของพระศาสนจักรหลังการเสด็จกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า…พระนามที่นักบุญเปโตรได้ถวายให้กับพระผู้ได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพว่า“องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเมสสิยาห์” นั้นบัดนี้ได้นำมาใช้กับพระกุมารพระผู้บังเกิดมาจากบรรดาทูตสวรรค์ นักบุญลูกาได้วางโครงสร้างเรื่องราวการบังเกิดขององค์พระวจนาตถ์ไว้อย่างน่าสนใจยิ่งโดยให้พระจักรพรรดิออกัสตัสกลายเป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่งของพระเจ้าที่บ่งบอกว่าพระเยซูเจ้าได้บังเกิดมาในเมืองของกษัตริย์ดาวิด…การไม่ยอมรับพระเยซูเจ้าพร้อมกับบิดามารดาของพระองค์ให้พักค้างแรมเป็นการชิมลางการถูกปฏิเสธจากชนชาวยิวทั้งชาติ…พระนางมารีย์ก็แสดงให้เห็นว่าพระนางทรงเป็นมารดาที่เอาใจใส่ดูแลโดยใช้ผ้าห่อหุ้มร่างกายของกุมารน้อยและวางพระองค์ในรางหญ้าความรักเอาใจใส่ของพระนางสะท้อนให้เห็นถึงความรักเอาใจใส่ของพระเจ้า […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่สี่ เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าปีA มธ1: 18-24…พระนางมารีย์ซึ่งเป็นคู่หมั้นของโยเซฟจากราชวงศ์ดาวิดจะให้กำเนิดบุตรชายชื่อว่า“เยซู”… ขณะที่เรากำลังเข้าใกล้วันสมโภชพระคริสตสมภพทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนว่าจะรีบเร่งกันไปหมดจนอาจจะทำให้ส่วนที่เป็นเรื่องของจิตวิญญาณถูกบดบังไปหรือไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร…ขอให้เราได้หยุดไตร่ตรองสักครู่หนึ่งถึงการบังเกิดมาเป็นมนุษย์ขององค์พระบุตรพระเจ้าเพื่อให้จิตวิญญาณและหัวใจของเราได้มีที่ว่างและพร้อมที่จะต้อนรับองค์พระเยซูคริสตเจ้าที่กำลังจะเสด็จมาหาเราในพิธีบูชาขอบพระคุณนี้และในชีวิตประจำวันของเรา ข้อคิด…ทั้งสามบทอ่านของวันอาทิตย์ที่สี่เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าอันเป็นอาทิตย์สุดท้ายของเทศกาลนี้ต่างก็กล่าวถึงอัตลักษณ์ของ“พระผู้ที่จะต้องเสด็จมา”…อัตลักษณ์ของพระกุมารน้อยนี้ยังจะแลเห็นไม่ชัดนักในพระธรรมเก่าแม้ว่าท่านประกาศอิสยาห์จะได้พูดถึงการเสด็จมาของเด็กน้อยอัศจรรย์ท่านหนึ่ง(อสย7: 10-14)แต่ก็ไม่มีเหตุผลอย่างใดที่จะเชื่อว่าท่านประกาศกจะรู้จักอย่างลึกตื้นหนาบางถึงเด็กน้อยอัศจรรย์นี้คำทำนายต่างๆจะเป็นที่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งก็ต่อเมื่อเหตุการณ์ต่างๆจะได้อุบัติขึ้นตามที่ได้ทำนายไว้…ท่านประกาศกได้ทูลทัดทานกษัตริย์อาหัสว่าราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดมิใช่ว่าจะอยู่ได้ด้วยความช่วยเหลือของกษัตริย์จากต่างชาติแต่จะอยู่ได้ด้วยความไว้วางใจในพระเจ้าเท่านั้นโดยท่านให้เครื่องหมายอันหนึ่งแก่กษัตริย์ว่า“หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์และจะคลอดบุตรชายซึ่งจะได้รับนามว่า ‘อิมมานูเอล’แปลว่า‘พระจ้าทรงสถิตกับเรา’” ส่วนในพระวรสารนั้นนักบุญมัทธิวก็แสดงให้เห็นว่าคำทำนายต่างๆได้สำเร็จเป็นไปในองค์พระเยซูเจ้าด้วยการที่ท่านได้ทำการเฉลิมฉลองพระเยซูเจ้าว่าเป็นความสำเร็จบริบูรณ์ขั้นสุดท้ายของคำทำนายคือเป็นพระกุมารแห่งราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดเกิดจากหญิงพรหมจารีและจะเป็น”องค์อิมมานูเอล” พระเจ้าทรงสถิตกับเรา…เพราะนักบุญเปาโลในวันนี้ได้บอกกับเราในจดหมายของท่านที่เขียนถึงชาวโรมว่า“ข่าวดีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระบุตรของพระเจ้าซึ่งโดยธรรมชาติมนุษย์ทรงบังเกิดในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดและได้รับการสถาปนาขึ้นให้เป็นพระบุตรผู้ทรงอำนาจของพระเจ้าโดยการกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย” แม้การยอมรับว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตรพระเจ้าเป็นการยอมรับที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่พระเยซูเจ้าได้กลับคืนพระชนมชีพแล้วก็ตามแต่นักบุญมัทธิวต้องการจะบอกเราในพระวรสารของท่านในวันนี้ว่าพระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็นพระบุตรพระเจ้าตั้งแต่พระองค์เริ่มปฏิสนธิในครรภ์ของพระนางพรหมจารีมารีย์แล้วโดยได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความเป็นพรหมจารีของพระนางมารีย์เพราะนั่นแหละที่จะหมายสำคัญที่บ่งแสดงว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระบุตรพระเจ้าแม้ว่าพระนางมารีย์จะได้หมั้นกับโยเซฟและมีทารกอยู่ในครรภ์แล้วแต่เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นโดยอาศัยพระจิตเจ้าโยเซฟซึ่งได้ชื่อว่าเป็น“โอรสกษัตริย์ดาวิด”ได้ตกลงใจที่จะถอนหมั้นกับพระนางมารีย์เพราะรู้สึกไม่ดีเมื่อรู้ว่าพระนางได้ตั้งครรภ์แล้วแต่พระวาจาของพระเจ้าได้มาถึงท่านบอกให้ท่านยอมรับพระนางมารีย์เข้าบ้านเมื่อท่านตกลงใจที่จะทำเช่นนี้ก็เท่ากับว่าท่านยอมรับความรับผิดชอบในพระนางและพระโอรสของพระนางต่อหน้าสาธารณชนว่าบุตรที่จะเกิดมาเป็นบุตรของท่านเองและเมื่อโยเซฟใช้สิทธิของความเป็นบิดาที่จะตั้งชื่อเด็กทารกท่านก็ได้กลายเป็นบิดาที่ถูกต้องตามกฎหมายขององค์พระเยซูเจ้าดังนั้นโดยผ่านทางท่านโยเซฟพระเยซูเจ้าจึงได้กลายเป็น“โอรสของกษัตริย์ดาวิด”…แต่ว่าโดยผ่านทางพระจิตเจ้าที่พระเยซูเจ้าได้ทรงเป็น“พระบุตรพระเจ้า”เพราะการปฏิสนธิในครรภ์ของพระนางมารีย์ของพระเยซูเจ้านั้นเป็นผลงานขององค์พระจิตเจ้าล้วนๆซึ่งทำให้ความเป็นพรหมจารีและความเป็นมารดาสามารถไปด้วยกันได้ในเวลาเดียวกันในพระนางมารีย์ […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่สาม เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าปีA มธ11: 2-11…ท่านทั้งหลายไปดูอะไรในถิ่นทุรกันดาร…จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็น…ในหมู่ที่เกิดจากหญิงไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์นผู้ทำพิธีล้าง ในพระวรสารของวันนี้เราเห็นพระเยซูเจ้ากำลังทำการอัศจรรย์…คนตาบอดกลับแลเห็นคนหูหนวกได้ยินคนง่อยเดินได้คนยากจนได้รับการประกาศข่าวดี…เป็นการแสดงออกซึ่งความรักเมตตาสงสารของพระเยซูเจ้าซึ่งมีต่อเพื่อนมนุษย์ที่กำลังเจ็บปวดและในพิธีบูชาขอบพระคุณนี้เราก็สามารถสัมผัสถึงความรู้สึกเดียวกันของพระเยซูเจ้าที่มีต่อเราแต่ละคนขอให้เราอย่าได้เกรงใจพระองค์ที่จะยอมให้พระองค์แลเห็นบาดแผลและความน่าสงสารของเราพลางทูลขอพระองค์ให้ช่วยรักษาให้หายด้วย ข้อคิด…เวลาที่เราคิดถึงนักบุญยอห์นแบปติสต์เราก็มักจะคิดถึงท่านว่าเป็นผู้นำหน้าพระผู้ไถ่เพื่อจะเตรียมประชาชนสำหรับการเสด็จมาของพระองค์ดังนั้นเราจึงได้ยินเรื่องราวของท่านมากมายในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า…เราจะไม่ได้ยินว่าท่านยอห์นเป็นคนที่ต้องการหน่วงเหนี่ยวลูกศิษย์ของท่านไว้หลังจากที่พระเยซูเจ้าได้ทรงเริ่มพระพันธกิจของพระองค์หรือท่านอยากให้มีผู้ติดตามมากมายแต่ก็มีผู้คนจำนวนหนึ่งที่คิดว่าท่านยอห์นเป็นพระแมสสิยาห์แต่จริงๆแล้วตัวท่านเองไม่เคยมีความคิดเช่นนี้เลยแต่ถึงกระนั้นเราก็รู้ว่าหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า20 ปีเรายังสามารถพบลูกศิษย์ของท่านยอห์นในแผ่นดินศักดิ์สิทธ์เพราะลูกศิษย์ของท่านบางคนได้รับการต้อนรับให้เข้าสู่พระศาสนจักรเมื่อพวกเขาได้ยินพูดถึงองค์พระจิตเจ้าเป็นครั้งแรก(กจ19) ในพระวรสารโดยนักบุญมาระโกและนักบุญลูกาไม่มีการแสดงนัยยะให้เห็นว่าท่านยอห์นได้ยอมรับว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระแมสสิยาห์แต่ว่าในพระวรสารโดยนักบุญมัทธิวในอาทิตย์ที่แล้วในการรับศีลล้างของพระเยซูเจ้าจากท่านท่านก็ยอมรับความเป็นพระแมสสิยาห์ของพระเยซูเจ้าเมื่อได้ยินเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า“ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเราเป็นที่โปรดปรานของเรา” แต่ว่าในพระวรสารของนักบุญมัทธิวในวันอาทิตย์นี้กลับมิใช่อย่างนั้นท่านยอห์นยังคงตั้งแง่มีความเคลือบแคลงสงสัยในองค์พระเยซูเจ้า…พระวรสารของอาทิตย์ที่แล้วเราได้ยินเสียงร้องตะโกนของท่านยอห์นจากถิ่นทุรกันดารถึงผู้หนึ่งที่กำลังจะเสด็จมาส่วนในวันอาทิตย์นี้เราได้ยินเสียงของท่านยอห์นที่ตั้งคำถามจากคุกว่าพระเยซูเจ้าคือพระผู้ที่จะมาหรือจะต้องรอคอยใครอีก… เพราะท่านยอห์นได้ประณามกษัตริย์เฮโรดอย่างเปิดเผยถึงการหย่าจากภรรยาของพระองค์เองและไปทำการสมรสใหม่กับภรรยาของน้องชายของพระองค์คือนางเฮโรเดียส…พระวรสารของวันอาทิตย์นี้จึงเปิดตัวท่านยอห์นแบปติสต์จากคุกที่มืดมิดอับชื้นที่ใช้ขังท่านและจากคุกที่ท่านโดนคุมขังนี้ท่านได้ส่งศิษย์ของท่านไปหาพระเยซูเจ้าเพื่อที่จะค้นหาความจริงว่าจริงๆแล้วพระองค์เป็นใครกันแน่ […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่สองเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าปีA มธ3: 1-12…จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าจงทำทางของพระองค์ให้ตรงเถิด… จากพระวาจาของพระเจ้าในวันนี้เราได้ยินเสียงร้องที่โดดเดี่ยวอีกคำรบหนึ่งของท่านยอห์นแบปติสต์พลางเตือนพวกเราให้เตรียมหนทางสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า…ให้เราแต่ละคนได้เตรียมที่ว่างในจิตวิญญาณและในหัวใจของเราเพื่อว่าพระองค์จะทรงเสด็จมาหาเราในพิธีบูชาขอบพระคุณนี้และในชีวิตของเรา…และท่านยอห์นได้เริ่มภารกิจของท่านด้วยการเชิญชวนให้เราทำการกลับใจใช้โทษบาป ข้อคิด…ในบทอ่านที่หนึ่งท่านประกาศกอิสยาห์(อสย11: 1-10) ได้พยากรณ์ไว้ว่าแม้ตระกูลของเจสสีห์(บิดาของกษัตริย์ดาวิด) จะต้องถูกทอนลงมาให้เหลือแต่ตอถึงกระนั้นจากหน่ออันนี้เองที่กิ่งหนึ่งจะงอกขึ้นซึ่งจะเป็นกษัตริย์ที่แท้จริงของชนชาติอิสราเอลพระองค์เปี่ยมไปด้วยพระจิตเจ้าและคุณธรรมต่างๆของบรรพบุรุษ…กษัตริย์พระองค์ใหม่นี้จะทรงเป็นผู้พิทักษ์คนยากจนและผู้ฟื้นฟูสันติภาพให้กลับมาสู่มนุษยชาติ…นักบุญเปาโล(รม15: 4-9) ได้พูดถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันตามแบบฉบับของพระคริสตเยซู…ส่วนพระวรสารของนักบุญมัทธิว(มธ3: […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี A มธ24: 37-44…จงเตรียมพร้อมไว้เพราะว่าบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย… ในวันนี้ขณะที่เรากำลังเริ่มปีพิธีกรรมใหม่ของพระศาสนจักรพระวาจาของพระเจ้าเชิญชวนเราให้ขึ้นไปยังภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้าไปยังพระวิหารพระเจ้าของยาโคบแล้วพระองค์จะทรงสอนวิถีทางของพระองค์ให้เราและจะทรงช่วยเราให้เดินอยู่ในแสงสว่างของพระองค์…เราซึ่งกำลังชุมนุมกันอยู่ในบ้านของพระเจ้าให้เราได้ไตร่ตรองดูว่าเราแต่ละคนต้องการคำแนะนำและความช่วยเหลือจากพระองค์มากน้อยสักแค่ไหนในการเดินทางแห่งชีวิตมุ่งสู่พระอาณาจักรพระเจ้า ข้อคิด…บทบาทหน้าที่ที่สำคัญของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าก็คือเป็นการเตรียมจิตใจของบรรดาสัตบุรุษสำหรับการเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสหรือวันพระคริสตสมภพและการรอคอยการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของบุตรแห่งมนุษย์…และเพื่อว่าเราจะได้สามารถเข้าใจวันคริสต์มาสได้ดีเราต้องเริ่มตั้งต้นด้วยประวัติศาสตร์แห่งการช่วยให้รอดพ้น แผนการแห่งการช่วยให้รอดพ้นของพระเจ้ามีจุดศูนย์กลางอยู่ที่องค์พระเยซูคริสตเจ้าและจะได้รับการปฏิบัติจนสำเร็จผ่านทางพระองค์…เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าจะมองย้อนหลังไปที่พระสัญญาของการเสด็จมาครั้งแรกของพระองค์เมื่อแผนการนั้นได้รับการประกาศให้ทราบอีกทั้งพลางมองไปข้างหน้าที่การจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระองค์เมื่อแผนการนั้นจะไปถึงขั้นสำเร็จบริบูรณ์…ส่วนว่าในขณะนี้เรากำลังทำการเฉลิมฉลองการเสด็จมาของพระองค์ในชีวิตประจำวันของเราแต่ละคนไม่ว่าจะเป็นในพิธีบูชาขอบพระคุณในการสวดภาวนาในพระวาจาในการทำกิจเมตตาและในการทำหน้าที่ประจำวันของเราแต่ละคนฯลฯ […]